** เปิดจองรีปริ๊นท์ D18 Anthology ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน
ดูรายละเอียดได้ที่ >> Link << เลยค่ะ **
** ฟิครวมเล่ม Replay#1 - Teikou Day จะวางขายในงาน Comic Avenue วันที่ 20 ตุลาคม บูท A04
ติดตามรายละเอียดของงานได้ที่ >> Link << นี้เลยค่ะ **
==================================
Title : Replay
Author : freyaminnie
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Aomine x Kuroko
Rating : PG-13
Link :
37
เสียงรองเท้ากีฬาเสียดสีกับพื้นไม้ที่มันปลาบ
ไม่อยากได้ยิน
ผิวขรุขระของลูกบาสเก็ตบอลยามสัมผัสด้วยมือ เสียงทุ้มก้องยามตกกระทบพื้นสนาม
ไม่อยากรับรู้
ภาพของลูกบอลสีส้มยามถูกส่งลอดเข้าไปในห่วงครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่อยากเห็น
แผ่นหลังของคนในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสลับฟ้าที่เห็นจนชินตา.. แผ่นหลังที่ไม่อาจไขว่คว้าได้
สิ่งที่ทำให้ทุกคนเปลี่ยนไป ไม่อยากจะได้ยิน ไม่อยากจะรับรู้ ไม่อยากจะมองเห็น ไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรอีกต่อไปแล้ว
เกลียด
สิ่งที่ทำให้คุณเปลี่ยนไป คือสิ่งที่แย่งชิงรอยยิ้มของคุณไป คือสิ่งที่พรากคุณไปจากผม
เกลียด
ที่มันเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่เชื่อมพวกเราไว้ด้วยกัน เพราะเมื่อปราศจากมัน ผมก็ไม่มีค่าอะไรสำหรับคุณอีกต่อไป
ผมเกลียดบาสเก็ตบอลที่สุด...
.
.
.
.
นัยน์ตากลมโตสีฟ้าลืมขึ้นท่ามกลางความมืดมิด นาฬิกาชีวภาพปลุกร่างกายให้ตื่นขึ้นในตอนเช้าตรู่ด้วยความเคยชิน จนเมื่อเบือนหน้าไปมองยังนาฬิกาดิจิตอลที่ส่องแสงสลัวอยู่ข้างหัวเตียงแล้วก็พบว่าตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาหกโมงกว่าๆเท่านั้น
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปฝึกซ้อมทุกๆวัน ทำให้ร่างกายจดจำได้เองว่าจะต้องตื่นเวลาไหนโดยแทบไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก แต่ตอนนี้ เมื่อไม่ต้องเข้าชมรมแล้ว เวลาที่ตื่นก็ยังถือว่าเช้าเกินกว่าที่จะไปโรงเรียนนัก
ร่างบนเตียงพรูลมหายใจออกอย่างอ่อนล้าทั้งที่ยังไม่ได้ลุกไปทำกิจกรรมอะไรเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้สมองของเขาทำงานหนักจนอยากจะปิดตัวลงดื้อๆ แต่จะให้กลับไปนอนต่อก็จะต้องเจอกับความฝันเดิมๆที่วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ทุกคืนอีก
ใบหน้าซุกลงกับหมอนอีกครั้ง ไม่อยากจะลุกทว่าก็ไม่อยากนอน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันแข่งนัดชิงชนะเลิศย้อนกลับมาหลอกหลอนทุกครั้งที่เผลอหลับตาลง ภาพของตัวเองที่ร่ำไห้สุดเสียงจนลำคอปวดแปลบทว่ากลับไม่มีใครได้ยิน เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าบริเวณขอบตามีคราบน้ำชื้นอยู่
ต้องทำยังไง ถึงจะลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ต้องทำยังไง ถึงจะไม่ต้องทนเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไป
.
.
.
.
“นายแน่ใจแล้วสินะ”
กระดาษสีขาวหนึ่งแผ่นถูกยื่นให้กัปตันทีมในวันแรกหลังเปิดเรียน บนหัวกระดาษมีตัวอักษรเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเจตนาของกระดาษแผ่นนี้คืออะไร
“ครับ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ” ใบหน้าที่ก้มต่ำอยู่นั้นผงกหัวเบาๆเพียงหนึ่งครั้งโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย
อาคาชิรับกระดาษแผ่นนั้นมาไว้ในมือโดยไม่พูดอะไร
เมื่อได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้ว คุโรโกะก็ขอตัวกลับอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับใครอื่นอีก โดยเฉพาะโมโมอิซัง เขารู้สึกผิดกับเด็กสาวมากที่สุด
เขาตัดสินใจตัดขาดจากทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับบาสเก็ตบอลโดยสิ้นเชิง เขายื่นใบลาออกจากชมรมทันทีหลังจบจากการแข่งอินเตอร์มิดเดิล
.
.
.
.
คุโรโกะอาศัยความจืดจางที่มีเฉพาะตัว.. ความสามารถเพียงอย่างเดียวของเขาที่ตอนนี้ก็นับว่ายังเป็นประโยชน์อยู่โดยการหายหน้าไปจากโรงเรียนเทย์โควโดยสิ้นเชิง ไม่พบปะกับใครยกเว้นจำเป็นจริงๆ แต่กับสมาชิกในชมรมนั้น แทบจะเรียกได้ว่าเขาล่องหนหายไปได้อย่างไร้ร่องรอยเลยด้วยซ้ำ
เสียงริงโทนแสบหูดังอย่างต่อเนื่องทว่าเจ้าของมือถือเครื่องนั้นกลับไม่มีท่าทีสนใจเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่กำลังแผดเสียงอยู่เลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งเสียงเพลงดับไปชั่วครู่ก่อนจะดังขึ้นใหม่อีกรอบ นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองไฟหน้าจอที่กระพริบไปมาทุกครั้งที่มีสายเข้า ชื่อของคนโทรที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นทำให้อยากจะเอื้อมมือไปรับตั้งไม่รู้กี่ครั้ง
อาโอมิเนะคุงคงจะตกใจที่รู้ว่าเขาลาออก ถึงช่วงหลังจะไม่ใช่คู่หูกันแล้ว แต่ในฐานะที่เคยมีความรู้สึกดีๆต่อกัน อย่างน้อยก็คงจะต้องการคำอธิบายอะไรบ้าง
ทว่า เขากลัวใจตัวเอง กลัวว่าถ้าได้ยินเสียงจากปลายสายที่เรียกชื่อตน กลัวว่าถ้าได้ยินคำขอร้องจาก ‘อดีต’ คนรัก เขาจะเผลอใจอ่อน แล้วปล่อยให้ตัวเองต้องถูกทำร้ายอีก
มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กขึ้นมาเมื่อหน้าจอดับลงเป็นเวลานานพอสมควร เชื่อว่าอีกฝ่ายคงจะตัดใจไปแล้ว ก่อนเสียงสัญญาณเรียกเข้าจะดังขึ้นใหม่ทำให้ต้องสะดุ้ง อารามตกใจทำให้เผลอกดรับโดยอัตโนมัติ
“เท็ตสึ..” เสียงทุ้มที่ดังมาจากปลายสาย คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนที่เขาพยายามจะเลี่ยงไม่เจอมากที่สุด เด็กหนุ่มลังเลว่าจะกดวางสายไปเลยดีหรือไม่ แต่มือกลับยกโทรศัพท์ขึ้นแทบหู
“เท็ตสึ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านนาย” ลมหายใจสะดุดห้วง พลันชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็เห็นร่างสูงของเอสแห่งเทย์โควยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน
คุโรโกะยังคงไม่พูดอะไร เพียงแต่ถือหูโทรศัพท์ไว้เฉยๆ ทว่าเสียงลมหายใจแผ่วเบาที่ดังผ่านสายสัญญาณคงจะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังฟังอยู่เลยพูดกลับมาเป็นชุด
“ฉันไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมจู่ๆนายถึงลาออก ทำไมนายไม่บอกอะไรฉันเลย ฉันนึกว่าพวกเราเป็นคู่หู เป็นคนรักกันซะอีก หา? ว่าไง? เท็ตสึ! ออกมาอธิบายให้รู้เรื่องนะ!” เสียงอาโอมิเนะตะคอกดังออกมาจากลำโพง และดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อร่างเล็กกว่ายังคงเอาแต่เงียบโดยไม่ตอบอะไร รู้สึกว่ากำแพงที่ก่อขึ้นค่อยๆถูกพังทลายลงอย่างช้าๆ
“จะทำเงียบไปถึงเมื่อไหร่ ฉันรู้ว่านายอยู่บ้าน ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้นะ!” เขารู้ อีกฝ่ายเริ่มใกล้จะหมดความอดทนเต็มที คุโรโกะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สั่น
“...อาโอมิเนะคุง..” อะไร เขาจะพูดอะไรกันแน่ นายกำลังจะทำอะไรคุโรโกะ เท็ตสึยะ
“ว่าไง จะออกมาเปิดประตูได้รึยัง?”
จะปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกอย่างงั้นเหรอ จะปล่อยให้ตัวเองเจ็บซ้ำๆอีกอย่างนั้นเหรอ ที่เจ็บมามันยังไม่เพียงพอหรือไง ทั้งที่อุส่าห์ตัดใจได้แล้วเนี่ยนะ?
“อาโอมิเนะคุง...” หยาดน้ำใสเอ่อคลอเบ้า ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว มือที่กำโทรศัพท์แน่นจนแทบจะปริแตก
“ผมขอโทษ....เราอย่าพบกันอีกเลยดีกว่านะครับ” สิ้นคำนั้น โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรได้อีก มือเรียวกดวางสายแล้วปิดมือถือทิ้งทันที
หลังจากนั้นคุโรโกะก็ล้มตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่สนใจหยาดน้ำตาที่ไหลจนเปื้อนหมอน ไม่สนใจเสียงสะอื้นที่ดังจนน่าหนวกหูของตัวเอง ไม่สนใจร่างกายที่ยังคงสั่นสะท้าน ไม่สนใจเสียงจากภายนอกที่ตะโกนโวยวายก่อนจะเงียบหายไป
หลังจากวันนั้น ก็ไม่มีโทรศัพท์จากอาโอมิเนะอีกเลย
.
.
.
.
โรงเรียนมัธยมต้นเมย์โควอยู่นอกเขตโตเกียวออกมาประมาณ 1 ชั่วโมง
กริ่งสัญญาณเลิกเรียนดังขึ้นเวลาเดียวกับที่ร่างโปร่งในชุดยูนิฟอร์มสีขาวแปลกตาเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียนพอดี นักเรียนคนอื่นเดินสวนออกไปโดยแทบไม่มีใครสังเกตเห็นถึงผู้มาเยือนจากต่างโรงเรียนนั้น
ขาทั้งสองพาเจ้าของมาตามเสียงที่แสนจะคุ้นเคยทว่าอยากจะลืมนักหนา จนกระทั่งถึงโรงยิมขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกซ้อมของชมรมบาสเก็ตบอลเมย์โคว
“อ๊ะ นาย จากเทย์โควนี่?” เสียงทักจากด้านหลังทำให้หันไปมอง เห็นเด็กหนุ่มในชุดกักคุรันที่เขาจำได้ว่าเคยเจอกันมาก่อน “หรือว่ามาหาชิเงะ?”
“ครับ.. โอกิวาระคุง.. อยู่รึเปล่าครับ?” ร่างเล็กกว่าถามอย่างไม่แน่ใจ หลังจากเรื่องที่เกิดในนัดชิงชนะเลิศ เขาพอจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกอึดอัดใจที่จะคุยกับคนจากเทย์โควอย่างเขาอยู่พอสมควร
“หมอนั่นย้ายไปแล้วล่ะ แถมบอกว่าจะเลิกเล่นบาสเก็ตบอลแล้วด้วย..”
“เอ๊ะ!?” นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ย้ายไปแล้ว..?
“ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆมาย้ายโรงเรียนเอาปลายเทอมทั้งที่จะเรียนจบอยู่แล้วแบบนี้ แต่ดูเหมือนว่าพ่อแม่หมอนั่นจะย้ายที่อยู่บ่อยๆเพราะงานน่ะ”
“แต่ว่า ทำไม..?” เรื่องบาสเก็ตบอล ทำไมถึงจะเลิกล่ะ ทั้งที่โอกิวาระคุงชอบบาสเก็ตบอลมากแท้ๆ ทั้งที่สนุกกับบาสเก็ตบอลมากขนาดนั้นแท้ๆ
“ไม่ใช่แค่หมอนั่น แต่คนอื่นๆที่เล่นในนัดชิงนั้นหลังจากจบการแข่งขันก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอยู่ชมรมอื่นกันหมด ถ้าจะให้พูดตรงๆ การแข่งขันนั้นมันเป็นการทำลายกำลังใจที่มากเกินพอเลยล่ะ”
“ในหมู่พวกเรา ชิเงะรัก ไม่สิ เคยรักบาสเก็ตบอลมากที่สุด ดังนั้นสำหรับหมอนั่นแล้ว แผลที่เกิดขึ้นมันยิ่งกว่าคนอื่นๆทั้งหมด”
คุโรโกะยังจำได้ ถึงสายตาของโอกิวาระคุงในวันนั้นยามที่มองมาที่เขา นัยน์ตาสีดำสื่อถึงความสิ้นหวังที่ไร้ก้นบึ้ง
ร่างสูงกว่ามองเด็กหนุ่มจากเทย์โควด้วยสายตาพิจารณา จริงๆแล้วเขาควรจะโกรธแค้นทีมที่ทำลายกำลังใจของพวกเขาจนย่อยยับและไม่อยากจะสนทนาด้วยอีก ทว่า กับร่างเล็กตรงหน้านี้เขารู้สึกถึงบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากผู้เล่นคนอื่นๆที่เขาเคยเผชิญหน้ามาด้วย
“ขอโทษนะ นี่อาจจะฟังดูใจร้ายไปหน่อยแต่ว่า หมอนั่นน่ะ ไม่อยากให้นายเลิกเล่นบาสเก็ตบอล”
“เอ๋? ทำไม..?” ทั้งๆที่เขาอุส่าห์ตัดใจได้แล้ว ทำไมโอกิวาระคุงถึงอยากให้เขากลับไปเล่นมันอีก
“ชิเงะ..หมอนั่นเคยเล่าให้ฟังว่าก่อนแข่งนัดชิงชนะเลิศได้เผชิญหน้ากับกัปตันทีมเทย์โควครั้งนึง แววตาสองสีคู่นั้นดูแข็งแกร่งก็จริงแต่ก็มีแต่ความเย็นชาอยู่ภายใน รวมไปถึงคนอื่นๆใน “เจเนอเรชั่นปาฏิหาริย์” เองก็เช่นกัน”
“ตอนที่เขาพบนายครั้งแรก หมอนั่นเองก็คิดว่านายจะเหมือนกับคนพวกนั้น แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด ตอนที่ชิเงะสบตากับนายในนัดชิงชนะเลิศนั้น แววตาของนายยังมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่”
“ส่วนนี่..” เด็กหนุ่มพูดพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายเพื่อหาอะไรบางอย่าง “เราพบสิ่งนี้ในล็อกเกอร์ของชิเงะ เป็นของที่หมอนั่นมักจะใช้ตอนฝึกซ้อมตลอด มันมีแค่ข้างเดียวแต่ก็เป็นสีเดียวกับที่นายใช้ ถ้าไม่รังเกียจก็รับไว้แล้วกัน”
ร่างสูงกว่ายื่นมือมาให้พร้อมกับของบางอย่าง มันคือผ้ารัดข้อมือสีดำ สีเดียวกับที่คุโรโกะเคยใช้ ผ้ารัดข้อมือที่โอกิวาระคุงเคยใช้
“ ‘ท่ามกลางสายตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ฉันไม่อาจขยับตัวได้เลยแม้แต่นิด ทว่า ฉันกลับรู้สึกได้ว่าวันนึง คุโรโกะจะต้องสามารถเผชิญหน้ากับคนพวกนั้น แล้วจะต้องละลายน้ำแข็งลงได้อย่างแน่นอน’ ก่อนจะไป หมอนั่นฝากบอกนายว่ายังงี้แหละ”
มือเรียวรับของฝากชิ้นนั้นมาไว้ในมือ นัยน์ตาสีฟ้ามองมันอยู่เนิ่นนานก่อนจะกำแน่น
.
.
.
.
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงอีกครั้งพร้อมกับพิธีจบการศึกษา
บรรดา “เจเนอเรชั่นปาฏิหาริย์” ต่างแยกย้ายกันไปตามแต่ละโรงเรียนที่มีชื่อที่ล้วนแต่มาชักชวนกันทั้งนั้น ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าความเก่งกาจของพวกเขาไม่อาจหาคู่แข่งได้อีกต่อไปแล้ว เพื่อที่จะพิสูจน์ใครเก่งที่สุด จึงมีแต่ต้องแยกทางกันเดินเท่านั้น
คิเสะเลือกโรงเรียนไคโจที่คานางาว่าซึ่งได้เข้าแข่งอินเตอร์ไฮทุกๆปี
มิโดริมะเลือกโรงเรียนชูโตคุหนึ่งในสามราชันย์แห่งโตเกียว
มุราซากิบาระเลือกโรงเรียนโยเซ็นในอาคิตะที่ขึ้นชื่อด้านการป้องกันอันไร้เทียมทาน
อาคาชิเลือกโรงเรียนราคุซันในเกียวโต ที่ซึ่งมีสามจอมพลไร้มงกุฎเข้าไปเรียนอยู่เมื่อปีที่แล้ว
อาโอมิเนะเลือกโรงเรียนสาธิตม.โทโอ ด้วยเหตุที่ว่าไม่ต้องซ้อมก็สามารถลงแข่งได้
ส่วนคุโรโกะเลือกโรงเรียนเซย์ริน ทีมโนเนมที่เพิ่งตั้งชมรมบาสเก็ตบอลได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังโรงยิม เป็นมุมเงียบสงบที่ใครหลายๆคนชอบแอบมางีบกลางวันเสมอ แต่วันนี้บรรยากาศรอบข้างกลับไม่ทำให้ใครอยากเข้าใกล้เลยซักนิด
“นายพบคำตอบที่ต้องการแล้วรึยังล่ะ?” อาคาชิเอ่ยถาม นัยน์ตาต่างสีจ้องมองยังดวงตาสีฟ้าอ่อนที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน
คุโรโกะยังไม่พบคำตอบที่ต้องการ ยังไม่อาจตอบอะไรได้ในตอนนี้ รู้เพียงแต่ว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว
“ยังครับ แต่ว่าผมจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว”
แม้การตัดใจ การเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าจะทำให้เจ็บน้อยลงก็จริง แต่มันก็คือการหนี กลบฝังความเจ็บปวดไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจและทำเป็นมองไม่เห็น การหนีไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรได้เลยซักอย่าง
ภาพผู้เล่นในชุดสีขาวแดงที่เห็นในวันนั้นยังคงไม่ลืม
ที่เขาเลือกเซย์ริน ไม่ใช่เพราะเขาตัดใจจากบาสเก็ตบอล แต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าเซย์รินมีบางสิ่งที่เขาต้องการอยู่ บางสิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะ
เขาจะแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น จะทำให้ทุกคนได้เห็น จะนำทุกคนกลับมา จะนำรอยยิ้มของคนที่สำคัญที่สุดกลับมา
เขาจะไม่มีวันยอมแพ้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็น
บาสเก็ตบอลของเขา
TBC
Talk :
ปั่นลืมตาย แฮ่กๆๆๆ *นั่งกินโพคาริ* ไว้จะมา talk ดีๆอีกครั้งนะคะ ;;w;;
แปะเหมือนเดิม
Q : สรุปฟิคนี้จะมีรวมเล่มทั้งหมดกี่เล่ม?
A : ฟิค Replay จะแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ คือภาคม.ต้นกับภาคม.ปลาย
Q : รวมเล่มแรกจะมีถึงตอนที่เท่าไหร่
A : เล่มแรกจะมีถึงตอนจบม.ต้น ก็คือตอนนี้ล่ะค่ะ ดังนั้นเล่มแรกจะรวมทั้งหมด 37 ตอน บวกกับตอนพิเศษที่มีเฉพาะในเล่มถ้าทำทันอีกสองตอนค่ะ
Q : รวมเล่มราคาเท่าไหร่
A : ตอนนี้ยังเขียนไม่จบเลยไม่รู้จำนวนหน้าที่แน่นอน แต่คาดว่าจะไม่เกิน 400 หน้า ดังนั้นราคาน่าจะประมาณ 350 บาทบวกลบนิดหน่อยค่ะ
Q : Comic Avenue จัดที่ไหน
A : งาน Comic Avenue วันที่ 20 ตุลาคม จัดที่แหล่งสมาคมนายทหารฯ บริเวณสนามเป้าค่ะ ถ้านั่ง BTS มาสามารถลงสถานีสนามเป้าแล้วก็ถึงเลย ใกล้มากๆ
Q : นอกจากขายในงานแล้วมีทางไปรษณีย์ด้วยรึเปล่า
A : จะมีเปิดขายทางไปรษณีย์หลังจากจบงานแล้วค่ะ (แต่อาจจะเปิดให้จองก่อนหน้านั้นเพื่อนับจำนวนพิมพ์ค่ะ)
No comments:
Post a Comment