Saturday, September 28, 2013

[KnB Fic] A Puppet Playground [Akashi*Kuroko(Chihiro)]




Title : A Puppet Playground

Author : freyaminnie & PuiiMkk

Fandom : Kuroko no Basket

Paring :  Akashi x Kuroko (Chihiro) 

Rating : R


Note :  ฟิคโคระหว่างสองบลอกอันเนื่องมาจากความพีคสปอยตอนที่ 231 ค่ะ จิฮิโระคุงคือผู้เล่นทีมราคุซันหมายเลขห้าที่ปรากฏตัวในสปอยตอน 231 หน้าตาแบบนี้ค่ะ >> Click <<  


**คำเตือน ควรบริโภคฟิคนี้ก่อนสปอยตอน 234 จะออก....เพราะเดี๋ยวสปอยออกมาขัดกันแล้วจะเงิบค่ะ 55555**




ความมืดโรยตัวปกคลุมทางเดินเล็กๆที่เชื่อมไปยังโรงยิม หากแต่เสียงฝีเท้าที่ดังขัดขึ้นกับความเงียบดังสะท้อนไปทั่ว เสียงลูกบาสกระทบแป้นดังขึ้นทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับโรงยิม คนๆนั้น คาดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นคนๆนั้น




"จิฮิโระ ..ยังไม่กลับอีกเหรอ" เอ่ยเรียกความสนใจคนที่กำลังซ้อมอย่างขมักเขม้น อีกฝ่ายหันมามองด้วยแววตานิ่งเฉยชั่วครู่ก่อนจะ กลับไปซ้อมเหมือนไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่าย




"..จิฮิโระ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ" เอ่ยสำทับเสียงหนักราวกับจะบีบบังคับให้ตอบคำถาม




เสียงลูกบาสกระทบพื้นเงียบลง หลงเหลือเพียงแต่เสียงหอบหายใจของอีกฝ่ายที่ดังก้องสะท้อนไปทั่วโรงยิมผสมปนเปกับเสียงหายใจแผ่วเบาของใครอีกคน จิฮิโระเดินขยับเข้ามาใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น ทั้งผมสีแดง นัยน์ตาสองสีคู่สวยที่ทำให้เขาหลงใหล




"ยังไม่กลับครับ.. ผมยังอยากซ้อมอีกหน่อย.."




จ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะเบนหลบ แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น คำพูดอีกฝ่าย ก็เรียกให้สายตาเขาหันไปมอง หันไปสนใจ ..เหมือนกับวันนั้น




'นายคือ มายุสึมิ จิฮิโระสินะ'




'นายน่ะ.. มาเป็นของฉันเถอะ'





-----------------------------------------------------------





มายุซึมิ จิฮิโระ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในชีวิตนี้จะโดนคนที่เป็นรุ่นน้องพูดกับตัวเองด้วยท่าทีที่เหมือนกับกำลังออกคำสั่งแบบนั้น




ด้วยความที่ชอบอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และยิ่งไม่ชอบไปมีเรื่องกับใครก่อน ทำให้ไม่ค่อยมีใครมาวุ่นวายกับชีวิตเขาเท่าไหร่




วันนี้ก็เช่นกัน เขากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ เพลิดเพลินกับความเงียบสงบและสายลมเบาๆที่พัดผ่าน จนกระทั่งเด็กหนุ่มผมสีเพลิงผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า




จิฮิโระมองอีกฝ่ายที่ยังคงยืนค้ำหัวเขาโดยไม่คิดจะปรับระดับสายตาให้เท่ากันอย่างพิจารณา ใช่ว่าเขาจะไม่รู้จักคนที่เป็นเหมือนตำนานของโรงเรียนราคุซันแห่งนี้ คนที่ได้เป็นถึงประธานนักเรียนตั้งแต่ยังอยู่ปีหนึ่งซ้ำยังเป็นกัปตันชมรมบาสเก็ตบอลที่เก่งกาจจนสามารถคว้าแชมป์ระดับประเทศมาได้




แล้วคนอย่างอาคาชิ เซย์จูโร่ มีธุระอะไรกับเขากันนะ




นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบขึ้นจากตัวหนังสือที่กำลังอ่านอยู่เพื่อสบกับนัยน์สองสีคู่งาม เปล่งประกายแวววาม และทรงอำนาจ ราวกับจักรพรรดิ์




"จะนั่งเงียบอยู่ตรงนั้นไปอีกนานเท่าไหร่ล่ะ" อีกฝ่ายเอ่ยถาม




จิฮิโระยังคงเงียบ ไม่ได้แสดงท่าทีว่ารับรู้แม้ว่าสายตาจะยังไม่ละจากการจับจ้องร่างของเด็กหนุ่มรุ่นน้องเลยซักครั้ง




"อาคาชิคุง มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?" เอ่ยถามไปในที่สุด เมื่อดูแล้วคงจะไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนง่ายๆ ถ้อยคำสุภาพที่ใช้จนเคยชิน แม้แต่กับรุ่นน้อง




"ฉันบอกแล้วไงว่า  ให้มาเป็นของฉัน" อาคาชิยังคงเอ่ยย้ำ น้ำเสียงราวกับคำสั่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ




"ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดครับ อาคาชิคุง"




"ฉันต้องการให้นาย มาเป็นสมาชิกหนึ่งในสมาชิกทีมบาสเก็ตบอล ‘ของฉัน’ "




"ขอโทษด้วยนะครับ แต่ว่านอกจากในชั่วโมงพละแล้ว ผมไม่เคยเล่นบาสเก็ตบอลมาก่อน คงจะทำตามที่คุณว่ามาไม่ได้"




"ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันคนนี้จะสร้างมันขึ้นมาให้เอง บาสเก็ตบอลที่เป็นของนาย"





-----------------------------------------------------------





"..ฮิโระ ..จิฮิโระ.."




เสียงเรียกชื่อเขาที่ดังซ้ำขึ้นเรื่อยๆ เรียกสติเด็กหนุ่มให้กลับคืนมาอยู่กับปัจจุบัน แม้จะนึกถึงอดีตไปก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจที่จะมาสร้างบาสเก็ตบอลที่เป็นของเขาตามคำเอ่ยชวนนั้น




ถึงแม้ว่า.. เขาจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้นมากแค่ไหนก็ตาม




"มีอะไรเหรอครับ อาคาชิคุง?"




อาคาชิไม่ตอบ แต่กลับสบสายตาอีกฝ่ายนิ่ง




เขาก็แค่คิด..




คิดถึง.. เหตุผลที่ทำให้เขาเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายในคราแรก




ท่าทีที่นิ่งเงียบ ไม่ว่าใครก็มองไม่ออกว่านึกคิดอะไรอยู่ แววตาสงบนิ่งเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักความกลัวมาก่อน เหมือนกับใครคนหนึ่งที่เขา.. ให้ความสำคัญ และนั่น คือเหตุผลที่ทำให้เขาชวนอีกฝ่ายมาเป็นของตัวเองอย่างไม่ลังเล




"จิฮิโระ.. นายจะซ้อมไปถึงเมื่อไรล่ะ" ปัดความคิดนั้นออกจากสมอง เบนสายตาไปสบมองคนที่ยืนจ้องมองอยู่ก่อนหน้า ก่อนจะเอ่ยถาม




"คงไม่ซ้อมแล้วล่ะครับ คุณเองก็กำลังจะกลับแล้วไม่ใช่เหรอครับ"




จิฮิโระพูดพลางเดินก้มเก็บลูกบาสที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ หันไปบอกอีกฝ่ายให้ยืนรออยู่ที่ม้านั่งสักพัก ก่อนจะรีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว








"รอนานมั้ยครับอาคาชิคุง"




"รีบไปเถอะ.. ฉันหิว" เดินนำไปโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตามมาทันหรือไม่ ยังไงเขาก็รู้อยู่แล้ว จิฮิโระจะต้องตามมา ไม่ว่าเมื่อไร.. ก็ต้องตามเขามา




ทุกครั้งที่เขาหันหลังกลับไป.. จิฮิโระจะอยู่ตรงนั้นเสมอ




เหมือนกับคนสำคัญของเขาคนนั้น.. เมื่อก่อนก็เดินตามเขา




ไม่ว่าจะหันกลับไปก็มองเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาเสมอ แต่ตอนนี้.. หายไปแล้ว คนๆนั้นหายไปจากสายตาเขา





-----------------------------------------------------------





สำรับที่ถูกจัดวางไว้สองชุดตั้งแต่เดินเข้ามาถึง ราวกับรู้ดีโดยไม่ต้องให้บอกกล่าว ว่าวันนี้จะมีอีกคนมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย




ทั้งสองนั่งทานอาหารกันในความเงียบ ไม่ใช่เพราะบรรยากาศของบ้านแบบญี่ปุ่นที่ดูน่าเกรงขาม ไม่ใช่เพราะเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติ แต่เพราะคนสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันของโต๊ะอาหารนั้น ต่างไม่มีอะไรที่ต้องการจะพูดคุยทั้งคู่




เมื่อทั้งคู่วางตะเกียบลงเป็นสัญญาณสิ้นสุดการรับประทานอาหาร คนใช้ของบ้านอาคาชิก็มาจัดการเก็บจานชามออกไป โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่ไม่ใช่หนึ่งในสายเลือดของตระกูลเจ้าของบ้าน




"ท่านเซย์จูโร่คะ น้ำอาบพร้อมแล้วค่ะ" เสียงสาวใช้อีกคนพูดผ่านประตูกระดาษสาโดยไม่เปิดออก อาคาชิเพียงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม




"เพิ่งซ้อมเสร็จมาไม่ใช่เหรอ ไปอาบน้ำซะสิ" น้ำเสียงเอ่ยสั่งเหมือนเคย ทว่าคนอายุมากกว่ากลับทำตามโดยไม่พูดอะไร




การอาบน้ำก่อนเจ้าบ้านเป็นสิ่งที่ผิดธรรมเนียมหรือเปล่า บางทีอาจจะใช่ก็ได้ แต่ถ้าเจ้าของบ้านเป็นฝ่ายยืนยันเช่นนั้น แม้จะคิดแต่ก็คงไม่มีใครกล้าเอ่ยสิ่งใด







ชุดยูกาตะสำหรับใส่นอนถูกเตรียมไว้ให้เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนชุดนักเรียนคงถูกคนใช้เอาไปซักเรียบร้อยแล้ว ถึงพรุ่งนี้ก็คงเรียบร้อยพร้อมใส่ได้เหมือนเดิม




ขาทั้งสองก้าวมายังห้องเดิมๆ แสงสลัวของโคมไฟที่ลอดผ่านบานกระดาษสาออกมาฉายให้ร่างเงาที่เห็นดูใหญ่โตกว่าตัวจริงไปบ้างไม่มากก็น้อย




ทว่าความน่าเกรงขามที่รู้สึกได้นั้น กลับเทียบไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยว




มือเลื่อนบานโชจิออกอย่างแผ่วเบา เปิดออกให้เห็นผู้ที่นั่งอยู่เพียงลำพังในห้อง




คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในชุดยูกาตะเรียบร้อยแล้ว แปลว่าคงจะไปอาบน้ำในห้องอื่นมา ไม่น่าแปลกเพราะบ้านหลังนี้ใหญ่โตจึงเป็นไปได้ที่จะมีห้องอาบน้ำอื่นอีก




นัยน์ตาสองสีมองมายังร่างที่ยืนนิ่งอยู่ตรงบานประตู จ้องนิ่งด้วยสายตาของผู้เหนือกว่าแม้ตัวเองจะเป็นฝ่ายที่นั่งอยู่กับพื้น มือขวายกขึ้นเบื้องหน้าก่อนจะเอ่ย




"มานี่สิ จิฮิโระ"




เดินก้าวไปตามเสียงเรียก เสียงของอาคาชิฟังดูทุ้มนุ่มลึกเสมอ เป็นเสียงที่ไม่ว่าใครต่อใครก็ขัดขืนไม่ทำตามไม่ได้ รวมถึงตัวเขาเองก็เช่นกัน..




หรืออาจจะเป็นเพราะว่า.. จริงๆแล้วเขาไม่เคยคิดที่จะขัดขืนเลยก็เป็นได้




ชุดยูกาตะสีดำสนิทที่อีกฝ่ายสวมใส่กลับทำให้ดูน่าเกรงขาม.. น่ากลัว อีกทั้งบรรยากาศที่แผ่ออกมารอบตัวก็ราวกับคล้ายจะกันคนทุกคนให้ออกห่าง ยกเว้นแต่คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะเข้าใกล้




จิฮิโระเอนตัวลงนั่งข้างอีกฝ่ายช้าๆ ปกติแล้วเขาก็เป็นคนเงียบ ยิ่งเวลาแบบนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไร..




หรือบางที.. การที่ไม่ต้องพูดอาจจะดีที่สุดสำหรับเขาก็ได้




"ขยับเข้ามาใกล้ๆฉันสิ.."  ออกปากสั่งใครอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่าง มองใบหน้าอีกฝ่ายที่ค่อยๆเขยิบตัวเข้ามาใกล้




กลิ่นหอมอ่อนๆลอยออกมาจากตัวเด็กหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นพี่เขา เป็นกลิ่นที่เขาคุ้นชินตลอดมา กลิ่นที่ออกมาจากเด็กหนุ่มคนสำคัญ.. คนที่ตอนนี้หนีเขาไป..




จิฮิโระรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่ออกมาจากมือใครอีกคนวางทาบอยู่ที่ต้นแขน ทุกสัมผัสที่ราวกับจะแผดเผาให้หลอมละลาย แผ่นหลังเอนพิงคนที่นั่งซ้อนทับไม่รู้ตัว




เขาไม่รู้.. ไม่รู้ว่าควรต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าเรื่องของพวกเรามันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เขาก็แค่... ไม่รู้จริงๆ




มือเรียวอีกฝ่ายเอื้อมมาไล่แตะที่ลำคอแผ่วเบา อีกข้างสอดเข้าไปลูบไล้สัมผัสผิวหนังภายใต้เสื้อยูกาตะตัวสวย  




ทั้งริมฝีปากที่พรมจูบ ทั้งมือที่ลูบไล้ ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ราวกับจะเข้าไปไม่ถึงใครอีกคน จิฮิโระนิ่งคิด เขาครุ่นคิดอยู่หลายครั้งว่าความสัมพันธ์ของพวกเรามันจะดำเนินไปในทิศทางไหนกันแน่ ความสัมพันธ์ที่ราวกับจะฉุดกระชากให้พวกเขาลุ่มหลงอยู่ในวังวนบางอย่างที่เขาหาคำตอบไม่เคยพบ




รู้สึกตัวอีกทีเขาก็ถูกผลักให้เอนตัวลงกับฟูกนอนนุ่มที่มีคนปูเตรียมไว้ให้ก่อนหน้า




"นี่.. อาคาชิคุง ..ความสัมพันธ์ของพวกเราน่ะ.."




"มันเป็นแบบไหนกันแน่เหรอครับ.."




อาคาชิเงียบ แน่นอนว่าจิฮิโระเองก็เงียบ เขาสบสายตามองนัยน์ตาสองสีคู่สวยที่จ้องมองมาก่อนหน้า คนที่ตอนนี้อยู่เหนือร่างเขา และ.. เป็นเจ้าของของเขา




"...ถามทำไม" นานชั่วครู่กว่าที่อีกฝ่ายจะยอมเอ่ยตอบและอาคาชิเองไม่ตอบอะไรมากกว่านั้น




"...เพราะผม.. ไม่ใช่ตัวแทนของคนสำคัญของคุณนะครับ.."




อาคาชิโน้มตัวลงใกล้อีกฝ่าย แล้วกระซิบด้วยคำลวงราวกับปิศาจร้าย




"ถูกแล้ว นายก็ไม่ใช่ตัวแทนของใคร.."




จิฮิโระที่น่ารักของเขา คนที่เขาเป็นคนค้นพบและเลือกที่จะให้มาอยู่เคียงข้าง คนที่เขาบรรจงเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาตั้งแต่ยังไมมีอะไรให้ออกมาเป็นอย่างที่เขาต้องการได้แทบทุกระเบียดนิ้ว




ทั้งในฐานะนักบาสเก็ตบอล และในฐานะอย่างอื่น




เด็กน้อยน่ารักที่เชื่อฟังและทำตามที่เขาต้องการทุกอย่าง ไม่เหมือนเลย ไม่เหมือนกับคนที่เคยหนีจากเขาไปในวันนั้น




บรรจงพรมจูบลงบนซอกคอขาวที่โผล่พ้นไรผมสีอ่อนนั้นอย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม กลิ่นหอมกรุ่นที่คุ้นเคยกำจายออกมาชวนให้ลุ่มหลง




ฝ่ามือลากไล้เข้าไปในสาบเสื้อ สัมผัสผิวเนื้อร้อนรุ่มแทบทุกตารางนิ้ว




สีฟ้าอ่อนของชุดยูกาตะที่ปรากฏเข้าทางหางตาราวกับจะทำให้เห็นภาพหลอน




เรือนผมสีฟ้าอ่อนยุ่งเหยิงแผ่กระจายเต็มหมอน ร่างกายขาวนวลที่บิดเร้าอยู่ใต้ร่างเขา และนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนที่เปล่งประกายคมกล้าพร้อมจะท้าทายได้อยู่เสมอ




อา....




ก้มลงจูบริมฝีปากสีสดอย่างหลงใหลก่อนจะถอนออกอย่างอ้อยอิ่ง คนถูกจูบหอบหายใจหนักหน่วง นัยน์ตาพร่ามัวไปด้วยตัณหา




น่ารัก...




นี่แหละที่เขาต้องการ อาคาชิผละจากริมฝีปากสีหวานไปยังใบหูที่ขึ้นสีแดงเข้มไม่แพ้กับใบหน้า เอ่ยคำพูดแนบแนบชิดติดริมใบหู คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายแทบลืมหายใจ




"..เท็ตสึยะที่น่ารักของฉัน"




นี่เป็นครั้งแรกที่จิฮิโระนึกเกลียดใครสักคนอย่างสุดหัวใจ  เขาเกลียดคนที่ชื่อเท็ตสึยะ คนที่เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน คนที่เขาไม่เคยคิดแม้แต่อยากจะรู้จัก




น้ำตาไหลรินลงช้าๆจนท่วมหัวใจที่แตกสลายยับเยินดวงนี้ บางที.. มันอาจจะแตกสลายเป็นผุยผงมานานแล้วก็ได้ เขาเองก็แค่ไม่อยากจะยอมรับ




จิฮิโระเอื้อมมืออันสั่นเทาของตนไปผลักคนที่คร่อมอยู่เหนือร่าง คนที่กำลังตักตวงเอาแต่ใจ ถือสิทธิ์กับร่างกายของเขาราวกับเป็นเจ้าของ




"ผมไม่ใช่.. ไม่ใช่.. "




"ผมไม่ใช่เท็ตสึยะของคุณ!"




เขาก็แค่เหนื่อย.. และเสียใจมากเกินไป




แน่นอนว่าแรงที่มีเพียงน้อยนิดคงจะไปสู้อะไรกับคนที่แข็งแรงกว่าไม่ได้อยู่แล้ว อาคาชิไม่แม้แต่จะเอนตัวตามแรงผลัก หากแต่มืออีกฝ่ายเองก็ลูบไล้ล้วงเข้ามาสัมผัสตามผิวเหนือต้นขาอย่างย่ามใจ




"อ่ะ.. อึก... หะ.. หยุดนะ"




"ถือดียังไงมาสั่งฉัน.."




ชุดยูกาตะตัวงามที่ยามนี้หลุดลุ่ยเพราะใครบางคนเปิดเผยให้เห็นผิวเนียนนุ่มที่แม้จะเต็มไปด้วยกล้ามมัดเล็กๆอย่างคนเล่นกีฬา แต่กลับขับให้อีกฝ่ายดูดีเพิ่มขึ้นเท่าตัว




การขัดขืนที่เปล่าประโยชน์ คำคัดค้านที่เพียงแต่ลอยผ่านหู เสียงสะอื้นไห้ที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัว ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา




แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าจุดไหนที่จะทำให้อีกฝ่ายสิ้นกำลัง พ่ายแพ้ อาคาชิใช้ประโยชน์จากนัยน์ตาสองสีคู่นั้นในการทำให้อีกฝ่ายยอมจำนน แล้วครอบครองร่างกายที่เย้ายวนเบื้องหน้าอย่างง่ายดาย




มันไม่ใช่การขืนใจ เพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารู้สึกดีมากแค่ไหน ราวกับยาเสพติด ที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นพิษร้ายแต่ก็ยังเต็มใจยอมเสพเพราะขาดมันไม่ได้ กลัวว่าถ้าหากขาดไปแล้วอาจจะไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป




กลิ่นของวนิลลา โชยหอมแตะจมูก และความหวานที่ได้รับยามลิ้มชิมรส




เด็กหนุ่มก้มลงเล็มเลียหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินจากนัยน์ตาสีอ่อนคู่นั้น ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นสีอะไร เพราะสำหรับเขา นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้น กำลังเรียกร้องเขา




"ครั้งนี้ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีกแล้ว"





-----------------------------------------------------------





มันเป็นแบบนี้เสมอ.. เป็นมาตั้งแต่แรกแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเรา..




จิฮิโระยันตัวขึ้นนั่งบนฟูกหนานุ่ม ชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนสวยที่เขาเคยสวม ยามนี้ไปกองรวมอยู่ที่อีกฟากของห้อง ผิวขาวเนียนละเอียดที่โผล่พ้นผ้าห่มเต็มไปด้วยรอยสีแดงจางๆ




อาคาชิไม่เคยอยู่.. ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาลืมตาตื่น อาคาชิก็ไม่เคยอยู่ตรงนั้น..




เหลือเพียงแค่เขา.. แค่เขาคนเดียว




"มายุซึมิซังคะ ท่านเซย์จูโร่รออยู่ที่ห้องอาหารแล้วค่ะ ส่วนเสื้อผ้าของคุณ ทางเราจัดวางเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ"




เสียงจากสาวใช้ดังขึ้นหลังบานประตู เขาหันไปมองเงาสีดำของคนพูดที่เคลื่อนตัวหายไปอย่างรวดเร็ว




นั่นสินะ.. นี่ไม่ใช่เวลามามัวคิดอะไรไร้สาระ อาคาชิกำลังรออยู่








ใช้เวลาไม่นานนัก ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เสื้อผ้าตัวเดิมสวมทับปกปิดผิวเนียนที่ประปรายไปด้วยรอยจูบจางๆ เขาอดนึกขอบคุณเครื่องแบบของราคุซันไม่ได้ที่แขนยาวพอจนปิดร่องรอยน่าอายนั้นจนมิด




จิฮิโระเดินไปตามทางเดินที่คุ้นชิน คงเพราะเขามาบ้านหลังนี้หลายครั้งจนพอจะจำทางได้บ้าง ที่ห้องอาหารห้องเดิม.. คนที่นั่งรอตรงนั้นก็คือคนเดิม..




คนที่เขาเกลียด.. เกลียดที่สุด




..และก็รักมากที่สุดเช่นกัน..




"มานั่งสิจิฮิโระ.." เอ่ยปากออกสั่งทั้งๆที่ยังก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ ราวกับมองเห็นว่าใครมา




เขาเดินไปนั่งลงตรงข้ามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย มีเรื่องมากมายที่อยากจะถาม อยากจะพูด.. แต่เขาก็ทำได้แค่เงียบ..




ทันทีที่เขานั่งเรียบร้อยสาวใช้ที่ยืนรออยู่แล้วก็ยกสำรับเข้ามาจัดวางทันทีโดยไม่ต้องมีใครสั่งงาน





-----------------------------------------------------------





เสียงเอะอะดังมาจากสนามโรงเรียนเบื้องล่าง เสียงที่คุ้นเคยเหลือเกินทำให้เด็กหนุ่มที่เดินอยู่บริเวณระเบียงของชั้นปีสามต้องชะงักฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว




นัยน์ตาสีอ่อนเหลือบมองไปด้านนอก ภาพของเด็กหนุ่มผมแดงที่กำลังสั่งการเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆในชั่วโมงพละศึกษาใกล้เคียงกับภาพที่เขามักจะเห็นจนชินตา




ไม่ว่าจะเป็นในสนามบาสเก็ตบอล หรือในโรงเรียน อาคาชิ เซย์จูโร่ก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามต้องหันมอง




ความเป็นผู้นำที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้อื่นยอมศิโรราบและทำตามได้ราวกับไม่ต้องพยายาม





"มีอะไรเหรอ มายุซึมิ"




เด็กหนุ่มปีสามอีกคนที่เดินอยู่เคียงข้างทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนหยุดเดินไปดื้อๆ ทั้งที่พวกเขากำลังอยู่ระหว่างเปลี่ยนคาบ




"เปล่า ไม่มีอะไร" ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยก่อนจะละสายตาออกมา




เด็กหนุ่มทั้งสองเดินจากไปจากตรงนั้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่า การกระทำทุกอย่างนั้น กลับอยู่ในสายตาของเจ้าของนัยน์ตาต่างสีคู่นั้นตลอดเวลา




รอยยิ้มวาดขึ้นบนริมฝีปากบางอย่างพึงใจ





-----------------------------------------------------------





วันนี้อาคาชิไม่ได้มารอเขาหลังซ้อมเสร็จ คงเพราะวันรุ่งขึ้นจะมีการแข่งวินเธอร์คัพ ป่านนี้เจ้าตัวคงกำลังวางแผนสำหรับการแข่งอยู่ล่ะมั้ง




หรือบางที อาจจะไม่จำเป็นก็ได้ ยังไงราคุซันก็ชนะแน่นอนอยู่แล้ว ตามคำที่อาคาชิเอ่ยไว้





-----------------------------------------------------------





อาคาชิหายไปก่อนพิธีเปิดการแข่งขัน อีกฝ่ายไม่ได้บอกใครไว้ว่าจะไปไหน หรือไปทำอะไร และไม่มีใครคิดจะอยากตั้งคำถาม การตัดสินใจของอาคาชิ ไม่เคยมีใครกล้าตั้งคำถามเสมอ




ถึงแม้จิฮิโระจะไม่รู้เรื่องบาสเก็ตบอลมากเหมือนกับอาคาชิ แต่กับชื่อสมญานามอันโด่งดังของ 'ทีมปาฏิหาริย์ นั้นยังไงก็ต้องรู้แน่นอน ทีมที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่มีใครโค่นล้มได้แม้สักครา ทีมที่มีอาคาชิ เซย์จูโร่เป็นผู้นำ




สมาชิกปาฏิหาริย์ไม่ว่าใครเขาก็เคยเห็นหน้าค่าตากันอยู่บ้างแล้ว ทั้งจากนิตยสารกีฬาหรือจากรูปถ่ายต่างๆที่พากันมาสัมภาษณ์นักกีฬามัธยมต้นเจ้าของชัยชนะที่ไม่มีวันพ่าย




ยกเว้นเพียงคนเดียว.. ผู้เล่นคนที่หกของทีมปาฏิหาริย์





-----------------------------------------------------------





การแข่งวินเทอร์คัพเริ่มขึ้นท่ามกลางการฝึกซ้อมหนักของทุกคนในทีม แต่ก็ไม่มีใครแม้แต่จะกล้าปริปากบ่นเพราะรู้ดีว่า ชัยชนะ นั้นสำหรับอาคาชิแล้วสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด




'ชัยชนะ.. ก็เหมือนกับการหายใจ ไม่จำเป็นต้องไขว่ขว้าหรือพยายาม'




'แต่มันคือ.. สิ่งจำเป็น สำหรับการดำรงชีวิต'




จิฮิโระไม่นึกแปลกใจเท่าไรที่อาคาชิสั่งให้ทุกคนมาดูการแข่งขันในวินเทอร์คัพ เพราะเขาคาดไว้แล้วว่าหนึ่งในนั้น อาจจะเป็นทีมคู่แข่งที่ก้าวขึ้นมาเป็นศัตรูแข่งกับเขาในรอบสุดท้ายอย่างแน่นอน ดังนั้นการเก็บข้อมูลคู่ต่อสู้ล่วงหน้าก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง




ที่นั่งบนสแตนด์เชียร์คราคร่ำไปด้วยผู้คนจากหลากหลายสถานที่เพื่อมาดูการแข่งขันที่จัดขึ้นปีละครั้ง เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่คนในทีมได้จองไว้ก่อนหน้า กวาดสายตามองใครบางคนที่ควรจะอยู่ที่นี่ การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแต่อาคาชิกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย




อีกสักพักคงจะมาล่ะมั้ง..




เสียงไมค์ประกาศเรียกชื่อนักกีฬาเพื่อให้เตรียมตัวดังขึ้นทั่วสนาม การแข่งระหว่างมัธยมปลายโทโอและมัธยมปลายเซย์ริน




"มาทันแข่งพอดีสินะ.."




เสียงคุ้นเคยที่ดังอยู่เหนือหัวเรียกให้สายตาของเขาหันไปจ้องมอง ผมสีแดงสด นัยน์ตาสองสีคู่สวยที่ลุกโชนราวกับพบอะไรบางอย่างที่ถูกใจ




["คุโรโกะ เท็ตสึยะ ผู้เล่นจากมัธยมปลายเซย์ริน เบอร์ 11"]




..อะ ..ไร..นะ..?




เสียงประกาศที่ดังออกไมค์ไปทั่วเพื่อบอกชื่อนักกีฬาผู้เล่นให้รับรู้ ดังกึกก้องค้างอยู่ในหัวไม่ยอมหลุด




"..เท็ตสึยะ" อาคาชิเอ่ยเรียกชื่อใครบางคนแผ่วเบา ชื่อใครบางคนที่เขามักได้ยินเสมอยามที่ถูกอีกฝ่ายกอด ชื่อที่เขา.. เกลียดจากก้นบึ้งของหัวใจ




ราวกับจะย้ำเตือนกันว่าเป็นเท็ตสึยะคนเดียวกัน เท็ตสึยะคนนั้น..




คนสำคัญที่อีกฝ่ายไม่เคยลืม.. และไม่คิดจะลืม..




"..คุโรโกะ.. เท็ตสึยะ..?" เสียงที่หลุดรอดจากริมฝีปากสีอ่อนของตนเองนั้นช่างสั่นพร่า เข้าใจแล้ว..




ในที่สุด.. เขาก็เข้าใจแล้ว..




เหตุผลที่ว่าทำไมอาคาชิถึงชวนเขาเข้าทีม ราวกับคำล่อลวงของปีศาจร้ายที่หลอกให้เหยื่อมาติดกับ ทั้งคำพูดที่่ยั่วยวนให้เชื่อใจ ตกหลุมพราง




'มาเป็นของฉันเถอะ'




'ฉันคนนี้จะสร้างมันขึ้นมาให้เอง'




'...บาสเก็ตบอลที่เป็นของนาย'




ทั้งหน้าตา รูปร่าง บุคลิกท่าทาง แม้แต่สไตล์การเล่นบาสเก็ตบอล ไม่ว่าส่วนไหนก็คล้ายกับเขาไปเสียหมด




ไม่ใช่สิ เขาต่างหาก ที่คล้าย....ถูกแต่งแต้มให้คล้ายกับคุโรโกะ เท็ตสึยะคนนั้น ด้วยฝีมือของจิตรกรที่ชื่อว่าอาคาชิ เซย์จูโร่




หายใจไม่ออก.. อึดอัด.. หัวใจราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดแน่นจนเจ็บ




จิฮิโระเองก็เคยคิดว่าคนที่ชื่อเท็ตสึยะคงจะต้องมีส่วนที่เหมือนเขาอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะเหมือนกันถึงขนาดนี้ เหมือนซะจนเขานึกกลัว กลัวว่า.. ตัวเองจะหายไป จะถูกแทนที่ จะกลายเป็นตัวแทนใครคนนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ





-----------------------------------------------------------





ไม่รู้ว่าการแข่งขันระหว่างมัธยมปลายโทโอกับเซย์รินเป็นยังไง เขาไม่นึกสนใจถึงคะแนนหรือผลการแข่งขัน หรือข้อมูลอะไรก็ตาม สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงนัยน์ตาสองสีคู่สวยที่จับจ้องไปยังผู้เล่นของเซย์รินเบอร์ 11 อย่างไม่คลาดสายตา




จิฮิโระเคยชอบความเงียบ ความเงียบที่ทำให้เขาสงบจิตใจ แต่ยามนี้เขากลับเกลียดมันเหลือเกิน ความเงียบที่ปกคลุมระหว่างพวกเราทั้งคู่ ขาทั้งสองก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ สายตาจับจ้องคนที่เดินนำหน้า ..คนที่ไม่ว่าเมื่อไรก็เดินนำหน้าเขาเสมอ




"อาคาชิคุงครับ.. " เอ่ยรั้งเรียกร้องให้อีกคนมามอง อาคาชิยืนชะงักชั่วครู่ก่อนจะหันหลังกลับ เดินเข้ามาใกล้




"ว่าไง จิฮิโระ" ริมฝีปากที่ปกติยากจะแย้มยิ้ม ยามนี้กลับประดับด้วยรอยยิ้มที่วาดอยู่บนใบหน้า ราวกับเพิ่งผ่านเรื่องที่น่าบันเทิงใจที่สุดมา




"คุโรโกะ เท็ตสึยะ คนๆนั้นคือคนสำคัญของคุณใช่มั้ยครับ?"




คนที่คุณเรียกชื่อเขาทุกครั้งที่กอดผม.. ใช่มั้ยครับ..




"ใช่" อาคาชิไม่ตอบอะไรมากกว่านั้น เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าจะไม่ตอบคำถามที่เจ้าตัวลงความเห็นแล้วว่าไร้สาระอีกถ้าไม่จำเป็น




อาคาชิหันหลังกลับก่อนจะเดินนำหน้าต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เงาที่พาดผ่านจากแสงอาทิตย์ทำให้เจ้าตัวดูสูงใหญ่กว่าความเป็นจริงมากนัก




เงาที่พื้นนั้นช่างสูงใหญ่นัก เหมือนกับเขาที่ยังไงก็เป็นได้แค่เงาของใครบางคน




"ผม.. ไม่ใช่คุโรโกะ เท็ตสึยะ"




"ไม่ใช่.. ยังไงก็ไม่ใช่ และไม่มีวันใช่"




เสียงที่เรียกร้องให้หันมามอง ส่งผ่านไปให้ถึงอีกฝ่าย คนที่เห็นเขาเป็นตัวแทนคนสำคัญตลอดมา บรรจงปั้นแต่งรังสรรค์ให้ออกมาเป็นตุ๊กตาที่สมบูรณ์แบบ




ผมอยู่ตรงนี้! มายุซึมิ จิฮิโระ! ไม่ใช่คุโรโกะ เท็ตสึยะ!




หันมามองผม 'คนนี้' หน่อยเถอะ ..ได้โปรด..




"อาคาชิคุง.. ผมน่ะ.. ต้องทำยังไง.."




เสียงที่สั่นพร่าเอ่ยรั้งให้อีกฝ่ายให้ยอมหันหลังกลับมามองอีกครั้ง




"ต้องทำยังไงเหรอครับ.. คุณถึงจะยอมปล่อยผมไป.."




แววตาเย็นชาถูกแทนที่ นัยน์ตาสองสีคู่สวยราวกับมีเปลวเพลงลุกโชนสั่นระริก ขาทั้งสองที่ก้าวเดินมาใกล้ ความน่าเกรงขามที่ปกติมีมากล้น ยามนี้กลับทำให้ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าที่จะสบสายตา




สัญชาติญาณสั่งให้หนีแต่เขากลับก้าวขาไม่ออก เผลอก้าวถอยหลังเพียงแค่ก้าวเดียว แต่กลับเป็นก้าวเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายยื่นมือมาบีบแขนตนอย่างแรง




"อ่ะ.. อาคาชิคุง ผมเจ็บ!"




อาคาชิเมินเสียงร้องอีกฝ่าย ทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย ทั้งใบหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวด




สิ่งที่เขาสนใจมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น




"นายน่ะ กำลังจะหนีฉันไปอีกครั้งสินะ!”




".. อึก.. โอ๊ย!"




"ตอบสิ! นายกำลังจะหนีฉันไปสินะ จิฮิโระ"




จิฮิโระเงียบ ราวกับเสียงของเขาหายไป แม้จะอ้าปากพยายามจะพูดเท่าไรแต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียงหลุดรอดออกมา




แรงบีบที่แขนเพิ่มมากขึ้นจนขึ้นรอยแดงน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด




"จิฮิโระ ฉันจะสอนให้นายรู้เอง"




อะไร.. สอนอะไร..




"นกที่ปีกหักน่ะ ต่อให้มันอยากจะบินหนีไปจากเจ้าของมากแค่ไหน.."




"แต่มันก็ทำได้แค่นอนอยู่ในกรงเท่านั้นล่ะ"




รอยยิ้มมุมปากที่ดูราวกับปีศาจร้าย คำพูดที่ราวกับจะกักขังเขาไม่ให้หนี ยังไงก็จะไม่มีทางหลุดพ้นเลยจริงๆสินะ





-----------------------------------------------------------





คืนนั้น อาคาชิรุนแรงกว่าที่เคย รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ราวกับจะถ่ายทอดบันดาลโทสะที่มีทั้งหมดนั้นลงบนร่างที่ไม่อาจขัดขืนได้นี้ เรือนร่างขาวนวลเต็มไปด้วยรอยบอบช้ำที่เกิดจากการขบกัดและบีบคั้นจำนวนนับไม่ถ้วน เสียงครางแหบพร่าที่บานกระดาษสาบางๆไม่อาจกักเก็บไว้ได้ดังไปทั่วคฤหาสน์โดยไม่มีใครคิดจะสนใจ




ทว่า ท่ามกลางโทสะอันพร่ามัวนั้น เขาก็ยังไม่ลืมที่จะมอบความสุขให้กับร่างที่กำลังบิดเร่าอย่างทุรนทุรายอยู่เบื้องใต้ร่างของเขา




เพื่อให้หลงมัวเมาอยู่ในห้วงปรารถนา ราวกับน้ำผึ้งแสนหอมหวาน ล่อให้เหยื่อลุ่มหลงจนติดกับดักล้ำลึกไม่อาจถอนตัวได้




บางทีจิฮิโระก็อดคิดไม่ได้ ว่าจะดีกว่าไหมหากอาคาชิเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่ง ถ้าเขาไม่ยอมให้ความสัมพันธ์แบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก




ถ้าเขาไม่เชื่อคำหวาน ไม่เชื่อคำลวง ไม่ปล่อยตัวเองให้ "รัก" อีกฝ่ายตั้งแต่แรก




แต่ที่เขาไม่รู้ ก็คือเขาไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์เลือก แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกอย่างที่เป็น ตัวตนของเขา ความรู้สึกของเขา ล้วนแต่เต้นอยู่บนฝ่ามือของเด็กหนุ่มผมแดงผู้นี้ตั้งแต่แรกแล้วทั้งสิ้น




ครั้งที่แล้วอาคาชิพลาดเองที่ทำเพียงแค่ชี้แนะแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายโบยบินด้วยปีกของตัวเองได้




ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับคนที่ทุกอย่างต้องถูกต้องเสมออย่างเขา และมันทำให้เขาสูญเสียคนที่สำคัญที่สุด ทำให้สิ่งที่เฝ้าฟูมฟักมาตลอดนั้นหลุดลอยไปจากมือ




แต่ครั้งนี้ ปีกที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองนี้ เขาจะเด็ดมันทิ้งด้วยตัวเองก็ย่อมได้




"ฉันจะทำให้นายขาดฉันไม่ได้...." เสียงกระซิบของปิศาจร้ายดังขึ้นข้างหู ก่อนบทรักบทใหม่จะเริ่มพร้อมกับพายุอารมณ์ที่พัดโหมกระพือขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้ง




นายจะต้องอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน อย่างนี้ นายจะได้ไม่จากฉันไปไหนอีก




อาคาชิสาบานกับตัวเอง ต่อให้ต้องหลอกลวง ต้องทำร้าย ต้องกักขังให้ทรมานแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันปล่อยคนคนนี้ให้หลุดมือไปอีกแล้ว




"เป็นเด็กดีของฉันนะ...เท็ตสึยะ"




นัยน์ตาสีอ่อนไร้ประกายเหม่อมองโคมไฟกระดาษด้านบนเพดานอย่างว่างเปล่า ร่างกายยังคงตอบสนองต่อสัมผัสที่มอบความสุขสม แขนยังคงโอบกอดอีกฝ่ายไว้แนบกายแน่น ทว่าหัวใจได้ตายไปแล้ว




กลายเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาที่มีชีวิตโดยสิ้นเชิง





-----------------------------------------------------------





"ขอโทษนะครับ" เสียงทุ้มหวานที่คุ้นเคยพูดขึ้นหลังจากลูกบาสเก็ตบอลลูกหนึ่งกลิ้งมาชนขาเขาในระหว่างการซ้อม เพียงแค่การขยับของร่างกาย ก็ทำให้รับรู้ได้ว่าเป็นใคร




"ไม่คิดเลยนะ ว่าจะเป็นนายที่มายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้น่ะ เท็ตสึยะ" นัยน์ตาสีแดงจับจ้องยังร่างเล็กกว่าที่ใส่เสื้อสีตรงกันข้ามกับตน คนที่บัดนี้อยู่ในฐานะศัตรู




นัยน์ตากลมโตสีฟ้าอ่อนที่จ้องกลับมานั้นไม่มีความกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย เท็ตสึยะก็ยังคงเป็นเท็ตสึยะ ความมุ่งมั่นที่ส่งผ่านออกมานั้น ท้าทายผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยชี้ทางให้กับตนได้อย่างไม่หวั่นไหว




เจ้าตุ๊กตาที่เคยเชิดใช้ได้ตามใจ บัดนี้สะบัดสายใยใดๆทิ้งเพื่อเป็นอิสระ เติบโตไปในแบบที่เขาไม่คาดคิด ไม่อาจควบคุมได้




"ผมจะแสดงให้อาคาชิคุงเห็น บาสเก็ตบอลของพวกเรา"




ทั้งที่ควรจะหงุดหงิดแต่หัวใจกลับเต้นแรงด้วยอะดรีนาลินที่สูบฉีดอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มพึงใจปรากฏชัดบนริมฝีปาก




"ได้สิ ฉันขอรับคำท้า"






END or TBC ..... ขึ้นอยู่กับความบ้าของคนเขียนและความเมพของสปอยค่ะ กร๊ากกก





ฟิคสดชั่ววูบ แต่งชั่วข้ามคืนอีกแล้ว จริงๆเห็นจิฮิโระคุงปุ๊บนี่เรานึกถึงครก.ก่อนเลยค่ะ แล้วก็จิ้นเตลิดไปว่าอาคาชิเอาจิฮิโระคุงมาแทนครก. ทั้งที่ความสามารถอะไรยังไม่ออกเลยแท้ๆ แต่มโนไปก่อนแล้ว ถึงได้บอกต้องรีบแต่งค่ะ ถ้าสปอยออกมาแล้วไม่ตรงเดี๋ยวเงิบ 555



ปล. D18 Anthology ยังเปิดจองอยู่นะคะ โอนเงินได้ถึงวันที่ 7 ตุลา รีปริ๊นท์ตามจำนวนเท่านั้นค่ะ ;w;






No comments:

Post a Comment