เปิดจองรวมเล่ม Replay - Teikou Days ทางไปรษณีย์แล้วค่ะ
สามารถจองได้ที่ >> Link << เลยค่า
----------------------------------------------
Title : (A series of) Unfortunate Events
Author : freyaminnie
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Midorima x Kuroko x Takao
Rating : PG-13 (?)
มิโดริมะ ชินทาโร่ กำลังเผชิญหน้ากับภาพที่ไม่คิดว่าจะมีวันเป็นไปได้ หากทว่ามันก็เป็นไปแล้ว สิ่งมีชีวิตสองอย่างที่ไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้บัดนี้ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูบ้านเขาพร้อมกันโดย(ที่เขา)มิได้นัดหมาย
“งายยย ชินจัง” ร่างเล็กหมายเลขหนึ่ง(ซึ่งตัวสูงกว่าหมายเลขสองเล็กน้อย แต่ก็ยังเตี้ยกว่าเขาเยอะอยู่ดี) กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาปิดตามแบบฉบับของเจ้าตัว น้ำเสียงร่าเริงสดใส พร้อมทั้งเรียกชื่อเขาที่โดนแปลงไปจนแปลกประหลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ทาคาโอ คาซึนาริ
“ขอโทษที่รบกวนนะครับ มิโดริมะคุง” ตามด้วยร่างเล็กหมายเลขสอง เรือนผมสีฟ้ากับใบหน้าไร้อารมณ์จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ คุโรโกะ เท็ตสึยะ
การที่จู่ๆทาคาโอะจะโผล่มาที่บ้านเขาโดยไม่บอกกล่าวก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกพออยู่แล้ว แต่นี่ถึงกับพ่วงคุโรโกะมาได้นี่มันเกิดอาเพทอะไรขึ้นกับโลกนี้กันแน่!?
มิโดริมะคิดว่าเขาคงยืนใบ้กินอยู่หน้าประตูเป็นเวลานานพอสมควร จนกระทั่งหนึ่งในแขกที่ยังไม่ได้รับเชิญนั้นเลือกที่จะพูดเตือนสติเบาๆว่ายังมีพวกเขาอยู่ในโลกนี้อยู่ด้วยอีกนะ
“ชินจัง เหม่ออะไรน่ะ อาหารไม่ย่อยหรือไง?” ทาคาโอะพูดพร้อมโบกไม้โบกมือไปมาเบื้องหน้าร่างสูงกว่า
“พะ....พวกนายมาทำอะไรกันที่นี่!?” เขาถามอย่างงุนงง จับมือที่โบกอยู่ไหวๆให้อยู่นิ่งๆก่อนมันจะสะกดจิตเขาจนล้มตึงไปเสียก่อน
ทาคาโอะหันไปพยักเพยิดให้คนที่มาด้วยกันก่อนจะหัวเราะคิกอย่างโคตรจะมีลับลมคมนัยสุดๆ ส่วนคุโรโกะแม้จะไม่ได้แสดงอาการขบขันออกนอกหน้าแต่แววตาของเจ้าตัวนั้นดูยังไงก็กำลังยิ้มอยู่ชัดๆ
“เห็นมั้ยล่ะ ฉันกะแล้วว่ายังไงชินจังต้องลืมแหงๆ”
“นั่นสินะครับ” ร่างเล็กกว่าพยักหน้าเห็นด้วย
แล้วตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ล่ะเนี่ย!?
แม้จะยืนคุยกันอยู่หน้าบ้านแบบนี้ต่อไปก็คงจะไม่มีการไขข้อข้องใจเพิ่มเติมจากสองคู่หูนี้แต่อย่างใด ทางเลือกที่ดีที่สุด (ที่เขาทำมาตลอด) คือทำเป็นไม่สนใจไปเสีย เด็กหนุ่มหันหลังกลับเตรียมจะปิดประตูตามหลังอย่างไม่ใยดี
“ถ้าพวกนายไม่มีธุระอะไรก็กลับไปได้แล้ว ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ” เรื่องที่ว่าก็คือการจัดระเบียบบรรดาลักกี้ไอเท็มทั้งหลาย ซึ่งมักจะใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์เกือบจะทั้งวันเป็นประจำ
“เดี๋ยวสิๆ ชินจังล่ะก็ ลืมจริงๆเหรอเนี่ย ลืมจริงๆอ่ะ?” นัยน์ตาสีเทาที่เหมือนเหยี่ยวจ้องมาประหนึ่งว่าพยายามจะสื่อกระแสจิต ซึ่งแน่นอนว่าเขาคงไม่มีทางรับได้เพราะย่านความถี่ของเขากับทาคาโอะนั้นสูงต่ำต่างกัน(?)อยู่ไม่น้อย
ก่อนเกมจ้องตานี้จะจบลงโดยมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพบว่าตัวเองสามารถตั้งท้องได้ด้วยการจ้องตาประหนึ่งปลากัดชนิดหนึ่ง คุโรโกะก็ตัดสินใจเฉลยปริศนาทั้งหมดให้กระจ่าง
“มิโดริมะคุง.... สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบซึ่งขัดกับเจตนาของเจ้าตัวทั้งสองที่เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะมาเซอร์ไพรซ์ กระนั้นแม้ดีกรีความตื่นเต้นจะโดนลดทอนไปเกือบ 60% ด้วยคำพูดของคุโรโกะ แต่อีก 40% ที่เหลือก็ยังพอหวังผลได้อยู่เมื่อนัยน์ตาสีเขียวกระพริบปริบอย่างงุนงง
“ชินจังเนี่ยใช้ไม่ได้เลยน้า ลืมวันเกิดตัวเองได้ยังไง” ทาคาโอะถอนหายใจแล้วเอื้อม(สุดแขน)เพื่อจะตบบ่าของคนที่กำลังยืนอึ้งอยู่เบาๆอย่างอ่อนใจ
มิโดริมะกระพริบตาอีกครั้งกับคำพูดที่ออกจากปากเพื่อนร่วมทีม
อันที่จริงแล้วถ้าใช้สมองคิดซักหน่อยคงพอจะรู้ว่าคนที่บ้าเรื่องโชคชะตาราศีจนต้องเช็คพยากรณ์ตามเดือนเกิดทุกวันอย่างมิโดริมะคงไม่มีทางลืมวันเกิดตัวเองไปได้ แต่ก็นั่นแหละ ทาคาโอะคงไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น
“ฉันกะแล้วว่าชินจังต้องลืม ก็เลยมาฉลองให้ไงล่ะ!” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างภูมิใจในความเป็นเพื่อนที่ของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการเลยแม้แต่น้อย
“ขอบใจแต่ฉันไม่ต้องการ อีกอย่างโอฮาอาสะบอกว่าราศีกรกฏวันนี้ไม่ควรออกนอกบ้านเพราะจะทำให้โชคร้าย” ร่างสูงปิดประตูใส่หน้าผู้มาเยือนอย่างไม่ใยดี แต่กระนั้นก็ยังช้ากว่าความเร็วของผู้มีฉายานัยน์ตาเหยี่ยวที่เอาบรรดาถุงช้อปปิ้งทั้งหลายมาขวางประตูไว้ได้ทัน
“ชินจังล่ะก็~~~ วันเกิดทั้งทีจะเหงาอยู่คนเดียวได้ไงล่ะ มันไม่ถูกต้องนะ” ทาคาโอะทำเสียงกระเง้ากระงอด ไม่เช่นนั้นจะให้ข้าวของขนมนมเนยที่เขาอุส่าห์โดดซ้อมไปซื้อมาเสียเปล่าอย่างนั้นเหรอ เสียดายแย่เลยนะ!
“มิโดริมะคุงครับ วันนี้คุณยังไม่ได้ออกจากบ้านสินะครับ” เสียงเรียบเฉยของคนที่พวกเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าอยู่ที่นั่นด้วยดังขึ้นมาเป็นคำถาม
“แล้วไง” ร่างสูงชะงักกึก ก่อนนิ้วเรียวที่พันด้วยผ้าพันแผลจะยกขึ้นดันแว่นให้เข้าที่ช้าๆ ท่าทีที่แสดงออกว่าเขากำลังฟังอยู่แม้คำพูดจะดูไม่สนใจก็ตาม
จากสถิติคนที่ปากไม่ตรงกับใจ มักจะออกอาการซึนเดเระเมื่อไม่ยอมรับความจริงเสมอ
“แสดงว่าคุณน่าจะยังไม่มีไอ้นี่สินะครับ” คุโรโกะหยิบต้นไผ่ที่อยู่ในกระถางออกมาจากถุงใบหนึ่ง บนกิ่งก้านมีกระดาษผูกไว้สำหรับเขียนขอพร
ใช่แล้ว เนื่องจากวันนี้เป็นวันทานาบาตะ ลักกี้ไอเท็มสำหรับราศีกรกฏที่เกิดในเดือนแห่งความรักบนทางช้างเผือกนี้คือต้นไผ่ที่เต็มไปด้วยคำขอพรนั่นเอง
แต่เพราะคำทำนายอีกส่วนที่บอกว่าไม่ควรออกจากบ้านไปพบปะผู้คนจึงทำให้ลังเลใจพอสมควร เพราะในบ้านเขาไม่มีต้นไผ่สำหรับแขวนกระดาษเลยแม้แต่แผ่นเดียว แต่ถ้าจะออกไปซื้อก็อาจจะโชคร้ายได้อีก
มิโดริมะครุ่นคิดหนัก มองสลับไปมาระหว่างต้นไม้ในมือของเด็กหนุ่มผมฟ้าสลับกับใบหน้าเรียบเฉยของคนถือโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจใบหน้ายิ้มแฉ่งของอีกคนหนึ่งที่เหมือนจะพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขาอย่างเต็มที่ โดยไม่นับว่าเจ้าตัวกำลังพยายามหาทางจะเข้าบ้านเขาให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตามด้วย
ถ้าจะรับแต่ของขวัญไว้แล้วเชิญ(ไล่)ให้แขกไม่ได้รับเชิญกลับไปก็จะดูเสียมารยาทไปรึเปล่า
โอฮาอาสะบอกว่าไม่ให้ออกนอกบ้าน แต่ไม่ได้ห้ามใครเข้ามานี่นะ แล้วอีกอย่างถ้าไม่มีลักกี้ไอเท็มแล้วก็รู้สึกเหมือนอะไรมันขาดหายไปอยู่ดี แบบนี้นี่แหละดีที่สุด ไม่ใช่เพราะเขาเหงาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวในวันเกิดหรืออะไรหรอกนะ
“เข้ามาสิ” สุดท้ายก็ถอนหายใจพร้อมกับยอมเปิดทางให้ผู้มาเยือนทั้งสองเข้ามาแต่โดยดี เมื่อในหัวสมองอันชาญฉลาดดีกรีถึงที่สองของชั้นปีได้ขบคิดสะระตะแล้วเห็นว่าเป็นทางที่ดีที่สุด
และนั่นเป็นข้อผิดพลาดอย่างที่หนึ่งสำหรับมิโดริมะ ชินทาโร่ในวันนี้
“เย้~~ รบกวนด้วยนะคร้าบบ” ทันทีที่ได้รับอนุญาตทาคาโอะก็รีบพุ่งเข้ามาในห้องประหนึ่งกลัวเจ้าของบ้านจะเปลี่ยนใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาเสียเสร็จสรรพอย่างรู้ดีเป็นที่สุด
“รบกวนด้วยนะครับ” คุโรโกะค้อมตัวอย่างสุภาพก่อนจะเดินตามหลังร่างสูงกว่าเข้ามาพร้อมกับต้นไผ่ทานาบาตะที่เป็นของขวัญ(?)
.
.
.
.
ทั้งสามลงมือเขียนคำขอพรใส่ในกระดาษแผ่นยาวก่อนจะนำไปผูกไว้กับกิ่งของต้นไผ่ โดยให้สัญญาใจ(?)ไว้ว่าจะไม่มีการแอบดูคำขอของคนอื่นเป็นอันขาด และเนื่องจากมิโดริมะไม่ไว้ใจทาคาโอะกับคำสัญญาหรือเรื่องใดๆก็ตามทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายยกกระถางต้นไม้ออกไปวางไว้ข้างนอกด้วยตัวเอง
เมื่อเจ้าของบ้านเอาต้นไผ่ออกไปวางที่ระเบียงด้านนอกเพื่อให้รับพลังจากแสงดาว(?)เพียงไม่กี่นาที กลับเข้ามาก็พบว่าแขกทั้งสอง (หรือไม่ก็ทาคาโอะเพียงคนเดียว) เอาบรรดาขนมและเครื่องดื่มทั้งหลายแหล่ออกมากองเสียเต็มโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เครื่องหมายบวกเล็กๆเหมือนจะผุดขึ้นบนขมับเจ้าของเรือนผมสีเขียว ใบหน้าเบื้องหลังกรอบแว่นตึงขึ้นอีกหนึ่งระดับเมื่อมองโต๊ะกินข้าวกับโซฟาที่มักจะเป็นระเบียบอยู่เสมอบัดนี้แทบจะจำสภาพเดิมไม่ได้ มือใหญ่ยกขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ
“อ๊ะ ชินจัง มาสิฉันเตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาๆนั่งๆตรงนี้เร็ว” มือตบลงข้างที่นั่งตัวเองประหนึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ คิ้วเรียวกระตุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ยอมไปนั่งบนโซฟาตามที่บอก
ใจเย็นไว้ มิโดริมะ ชินทาโร่ ลักกี้ไอเท็มก็ได้มาแล้ว เหลือแค่รีบๆกินๆให้เสร็จๆซะจะได้รีบๆไปกันซะที
“มิโดริมะคุง สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
“ชินจัง สุขสันต์วันเกิดน้า~~”
ร่างเล็กทั้งสองพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะดันเค้กที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน (เพราะเมื่อครู่ในถุงช้อปปิ้งก็ไม่เห็นจะมี) มาวางไว้ตรงหน้าเอสแห่งชูโตคุ เค้กชาเขียวแต่งเป็นรูปกบหน้าตาคล้ายเกโระสุเกะที่หายไปของเขาปักเทียนจำนวน 17 เล่มไว้ด้านบน
นัยน์ตาสีเขียวเบื้องหลังกรอบแว่นเป็นประกายเล็กน้อย รู้สึกเหมือนมีน้ำบางอย่างเอ่อซึม
คงจะเป็นเพราะว่า เขาคิดถึงเกโร่สุเกะมากแน่ๆ พอเห็นมันมากลายเป็นอาหารให้กิน(?)อย่างนี้แล้วถึงได้รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาซะเฉยๆ
“ชินจัง...ซึ้งใจจนร้องไห้เลยเหรอเนี่ย” นัยน์ตาเหยี่ยวของทาคาโอะบางทีก็น่ารำคาญเกินไป จนเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นอยู่เรื่อย
“ใครว่า ฉันแค่คิดถึงเกโระสุเกะต่างหาก” มิโดริมะเฉไฉพลางดันแว่นขึ้นมากลบเกลื่อน
ทาคาโอะพยายามกลั้นหัวเราะจนแทบท้องแข็ง ส่วนคุโรโกะได้แต่แย้มยิ้มบางๆให้กับคำตอบนั้น
“ถ้างั้นก็เป่าเทียนได้แล้วนะครับมิโดริมะคุง เดี๋ยวเกโระสุเกะจะละลายซะก่อน” นัยน์ตาสีฟ้าของอดีตเพื่อนร่วมทีมแลดูส่องประกายเป็นพิเศษเมื่อกระทบกับแสงเทียน พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆที่ปกติจะไม่ค่อยมีใครเคยเห็น ทำให้วันนี้คุโรโกะดูแตกต่างออกไปจากทุกที
“อย่าลืมขอพรด้วยนะชินจัง” เด็กหนุ่มอีกคนฉีกยิ้มกว้างจนตาปิดตามแบบฉบับของเจ้าตัวให้ ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นด้วยความจริงใจราวกับเด็กๆอยู่เสมอ ถึงจะเคยเห็นจนชินตาแล้วก็เถอะ แต่ครั้งนี้ กลับไม่ได้รู้สึกน่ารำคาญเหมือนทุกทีเช่นกัน
“.....” ร่างสูงกว่านิ่งไปราวกับครุ่นคิดก่อนจะลงมือเป่าเทียนรวดเดียวหมดอย่างแม่นยำ
“ชินจัง” ทาคาโอะยื่นกระป๋องน้ำอัดลมส่งให้คนที่เพิ่งจะลงมือชำแหละ(เค้กรูปหน้า)เกโระสุเกะออกเป็นชิ้นๆเพื่อแจกจ่ายให้กินกันเสร็จพอดี มือที่พันไว้ด้วยเทปอย่างบรรจงรับมันไว้แล้วสังเกตว่าอีกมือของทาคาโอก็ถือกระป๋องน้ำของตัวเองอยู่ คุโรโกะก็เช่นกัน
“ชินจัง คัมปายย” พูดพลางชูกระป๋องน้ำขึ้นสูง มิโดริมะถอนหายใจเป็นรอบที่ล้าน
เอาเถอะ ไหนๆก็ถึงกับอุส่าห์เอาเค้กมาให้แบบนี้ ให้อยู่ฉลองต่อจนกว่าบ้านข้างๆจะมาไล่(?)ก็แล้วกัน
มือใหญ่ยกขึ้นชนแก้วอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่ม
พรวดด!!!
สำลักน้ำที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาพรวดใหญ่ เพราะสิ่งที่ดื่มเข้าไปนั้นไม่ใช่น้ำอัดลมธรรมดา แต่เป็นน้ำที่ผสมแอลกฮอลอย่างที่ไม่น่าจะขายให้กับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้
“ทาคาโอะ!! นี่มันเหล้าไม่ใช่เรอะ!!?” มิโดริมะรีบโวยวายก่อนจะถอยห่างจากกระป๋องน้ำอัดลมผสมน้ำเมา(?)ราวกับต้องของร้อน
“เอ๋ ใช่ที่ไหนกันล่ะ ชินจังเนี่ยคิดมากเป็นตาแก่ไปได้ เด็กม.ปลายอย่างฉันจะไปซื้อเหล้าได้ยังไง” ร่างเล็กกว่าฉีกยิ้มกว้าง แล้วพิสูจน์ให้ดูด้วยการกระดกเครื่องดื่มเข้าปากไปจนหมดกระป๋อง
“เป็นม้า ออกจะเป็นน้ำอัดลม ชัดช้าดด” ทาคาโอะพูดพร้อมกับสายตาที่เริ่มจะฉ่ำเยิ้ม ทำให้มิโดริมะต้องรีบกระชากกระป๋องน้ำออกมาจากมืออีกฝ่ายโดยทันที
“น้ำอัดลมบ้าอะไรทำให้เมาได้ขนาดนี้ ไปนอนเลยไป” เด็กหนุ่มผมเขียวรีบเอ่ยไล่คนที่ยังพยายามคลานตามกระป๋องน้ำมาประหนึ่งผีจูออน(?) ไม่รู้ถูกใจอะไรนักหนา
แต่ดูเหมือนเขาจะลืมอะไรไปบางอย่าง
“มิโดริมะคุงครับ.. ห้องนี้ร้อนจังนะครับ” เสียงทุ้มหวานของใครบางคนดังขึ้น ใครอีกคนที่อยู่ในห้องแต่จืดจางจนแทบจะถูกลืมไปแล้ว ในระหว่างที่เขากำลังตัดเค้กและวุ่นวายอยู่กับทาคาโอะถึงได้เพิ่งสังเกตว่าไม่ใช่แค่เขากับทาคาโอะ แต่คุโรโกะเองก็กินไอ้น้ำเจ้าปัญหานั่นเข้าไปเหมือนกัน
และดูเหมือนจะเยอะซะด้วย
คนบ่นว่าร้อนอยู่ไม่ขาดปากเริ่มจะถอดเสื้อนอกของตัวเองเอกราวกับจะเป็นการแสดงหลักฐานให้เห็น ผิวขาวเนียนที่ค่อยๆโผล่พ้นเนื้อผ้าออกมาทีละชิ้นทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มร่างสูงถึงกับขึ้นสีแดงก่ำ
“คุ...คุโรโกะ! ทำอะไรของนาย!!!” มิโดริมะตวาดดังลั่น ก่อนจะรีบคว้าเสื้อที่โดนถอดไว้ที่พื้นโยนกลับไปให้เจ้าตัวใส่
“มิโดริมะคุง เสียงดังเกินไปแล้วครับ” คนโดนดุมุ่ยหน้าไม่สนใจแถมยังเริ่มจะถอดกางเกงออกเสียอีก
“คุโรโกะ นายเมาแล้ว รีบไปนอนในห้องกับเจ้าบ้าทาคาโอะเลย!” เขาตวาดก่อนจะเข้าไปคว้ามือคนตัวเล็กกว่าไว้ไม่ให้กระทำการอันไม่น่ามองไปมากกว่านี้ แถมให้ตาย ผิวของคุโรโกะนี่ขาวชะมัด ไม่สิ นายต้องตั้งสติไว้นะมิโดริมะ
ข้อผิดพลาดอย่างที่สองในวันนี้ของมิโดริมะ คือการเข้ามาใกล้คนที่กำลังเมาไร้สติโดยปราศจากการป้องกันตัว ทำให้คนที่สรีระน่าจะเป็นฝ่ายรุกมากกว่าต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างไม่รู้ตัว
ใบหน้าน่ารักของอดีตเพื่อนร่วมทีมที่เมื่อกี้ยังอยู่ห่างพอสมควรเคลื่อนมากใกล้ ก่อนริมฝีปากบางๆที่ดูไร้พิษสงจะประกบจูบเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว และไม่ใช่แค่จูบผิวเผิน แต่คนเมากลับสอดลิ้นเข้ามาจูบซะล้ำลึกอย่างกล้าหาญจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคุโรโกะที่แทบไม่เคยแสดงออกอะไรเลยมาตลอด
!!!!
มิโดริมะพยายามอึกอักประท้วง ทว่าคนตัวเล็กกว่ากลับเอาแรงมาจากไหนไม่รู้คว้าคอเสื้อเขาไว้ซะแน่น หนำซ้ำรสจูบที่ผสมปนเปไปด้วยรสของเหล้าจางๆที่ได้รับจากอีกฝ่ายยิ่งทำให้รู้สึกมึนงงจนแทบจะลืมหายใจ
จุมพิตที่ควรจะขมฝาดเพราะรสของสุราแต่กลับแฝงไปด้วยความหวานที่ไม่เคยได้รับจากไหนมาก่อน เป็นเพราะรสชาติของวนิลลาเชคที่ติดอยู่บนปลายลิ้นของอีกฝ่าย หรือเป็นรสชาติอันเป็นเฉพาะตัวของคุโรโกะก็ไม่รู้ได้
วนิลลาเชคผสมเหล้า ฟังดูไม่น่าจะเข้ากันได้สักนิดแต่กลับอร่อยอย่างน่าประหลาด(?)
คุโรโกะค่อยๆถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่อยู่เบื้องบนแย้มรอยยิ้มพรายที่ดูยั่วยวนเป็นที่สุด พาลให้หัวใจของคนที่คิดว่าไม่เคยจะหวั่นไหวได้ง่ายๆเต้นผิดจังหวะ
“อ๋า~~ ชินจังขี้โกงนี่นา เล่นกับคุโรจังอยู่คนเดียวแบบนี้” เสียงแหลมใสของเพื่อนร่วมทีมคนปัจจุบันดังแว่วมา ทำให้คนที่กำลังมึนงงไปกับรสจูบนั้นได้สติ รีบผลักร่างที่กำลังคร่อมเขาอยู่ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ให้พ้นจากตัวในทันที ทว่ายังไม่ทันจะได้พักหายใจหายคอให้เป็นปกติ มืออีกคู่ก็รั้งใบหน้าของเขาไปแล้วประกบจูบลงมาอีกรอบ
เพราะกลัวว่าเขาจะลืมว่ามีตัวเองอยู่ด้วยและที่สำคัญยังเมาอยู่ไม่แพ้กัน ทาคาโอะจึงประกาศตัวเองด้วยการดึงชินจังไปจูบเสียล้ำลึกไม่ให้น้อยหน้า ที่สำคัญปริมาณแอลกฮอลที่ได้รับยังแรงกว่าหลายเท่าประหนึ่งเจ้าตัวเพิ่งจะดื่มสุราหมดไปหนึ่งขวดใหญ่ทั้งที่มีแค่น้ำอัดลมผสมเหล้าแท้ๆ
รสชาติขมฝาดที่ผสมปนเปกับจูบที่หอมหวานจนทำให้มึนเมาประคองสติไว้แทบไม่อยู่ ร่างกายยังคงรับรู้แต่สมองไม่ค่อยจะทำงานแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างเล็กอีกคนหนึ่งที่ถูกผลักออกไปเมื่อครู่คลานกลับเข้ามาร่วมวงด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่
ทาคาโอะฉีกยิ้มทะเล้นก่อนจะหันไปแลกจูบกับคุโรโกะที่แลดูจะไม่ค่อยมีสติแล้วอีกที เด็กหนุ่มผมฟ้าครางเสียงหวานในลำคอแล้วจูบตอบอย่างเร่าร้อน คราบน้ำสีใสไหลรินจากมุมปากลงสู่ปลายคางก่อนที่เด็กหนุ่มผมดำอีกคนจะตามมาเล็มเลียพร้อมกับฝากรอยขบเม้มเบาๆไว้ที่ต้นคอขาวของอีกฝ่าย
มิโดริมะได้แต่มองภาพของทั้งสองอย่างไม่สบายใจ...
อา..แบบนี้มัน..ไม่ถูกสุขอนามัยเอามากๆ
คิดได้เพียงแค่นั้น ก่อนการสั่งการทั้งหมดของสมองจะหยุดไปดื้อๆ เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น จะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจรับรู้ได้ผิดถูกได้แล้ว
.
.
.
.
แสงแดดที่แยงตาแรงกล้าเกินกว่าจะเป็นตอนเช้าตรู่บ่งบอกให้คนบนเตียงรู้ว่าแทบจะสายโด่งจนตะวันแทบจะอยู่กลางหัว นัยน์ตาสีเขียวอ่อนปรือขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกปวดหัวราวกับมีใครเอาค้อนอันใหญ่มาทุบรัวๆอยู่ตลอดเวลา
เขายกมือขึ้นจะขยี้ตาไล่ความง่วงงุนแต่กลับไปโดนเข้ากับกรอบพลาสติกและกระจกแข็งๆแทน ถึงได้รู้ว่าตัวเองเข้านอนทั้งที่ยังสวมแว่นตาติดอยู่
มิโดริมะสบถยาวเหยียดเท่าที่ความมึนงงยามนี้จะอำนวย ปกติเขาเป็นคนที่ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบและมีแบบแผนไม่เคยผิดเพี้ยน ก่อนนอนจะต้องดื่มนมอย่างน้อยหนึ่งแก้วเพื่อให้นอนหลับฝันดี เข้านอนต้องขึ้นเตียงจากทางด้านซ้าย ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนหกโมงครึ่ง และแน่นอนต้องถอดแว่นวางไว้บนหัวเตียงเสมอ
แต่วันนี้ ทุกอย่างแลดูผิดที่ผิดทางไปหมด ทั้งนาฬิกาที่ไม่ยอมปลุก ความรู้สึกปวดหัวและคลื่นไส้อันไม่รู้ที่มา และแว่นตาที่อยู่บนหน้านี่อีก
จู่ๆก็พลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานขึ้นมาได้ทันที ความทรงจำสุดท้ายก่อนการรับรู้จะขาดหายก็คือทาคาโอะ กับน้ำอัดลมผสมเหล้า และที่ทำบ้าๆกับเขาแบบนั้น แล้วยังคุโรโกะอีก...
ถ้าเจอหน้าเมื่อไหร่ จะต้องจัดการดุว่าเสียให้เข็ด โดยเฉพาะเจ้าบ้าทาคาโอะที่ชอบเอาแต่เล่นแผลงๆตลอด เตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟังซักที
คาดโทษเสร็จก็เตรียมจะลุกจากเตียง แต่เมื่อเลิกผ้าห่มขึ้นเขาถึงเพิ่งจะรู้ว่า ตัวเขาเองไม่ใช่คนเดียวที่นอนอยู่ในห้องนี้
ร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าที่แสนคุ้นเคยนอนทอดกายอยู่ข้างๆ ดวงตากลมโตหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกรู้สา ทว่าสิ่งที่ทำให้ตกใจที่สุดคงไม่พ้นการที่ร่างกายของอีกฝ่ายแทบไม่ได้ใส่อะไรอยู่เลย!? (ไม่นับท่อนล่างที่ผ้าห่มยังคงคลุมทับไว้อยู่ ซึ่งเขาคงไม่กล้าจะเปิดดูเพื่อพิสูจน์ให้เห็นจัดแน่ๆ)
มิโดริมะตกใจอ้าปากค้าง สมองที่(ปกติจะ)ชาญฉลาดรีบกรอกลับไปยังเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเพื่อหาสาเหตุของความเป็นไปได้ของเหตุการณ์อันไม่น่าจะเป็นไปได้นี้ ภาพที่เห็นย้อนมาเป็นฉากๆอย่างไม่ปะติดปะต่อ
โอฮาอาสะ วันเกิด ต้นไผ่ เค้ก เหล้า แล้วก็จูบ...
ใบหน้าเบื้องหลังกรอบแว่นเปลี่ยนเป็นสีแดงตัดกับผมสีเขียวราวกับเทศกาลคริสต์มาส(?) ถึงจะจำได้ไม่หมดแต่เมื่อดูจากหลักฐานพยานแวดล้อมและสภาพของคนที่นอนอยู่ข้างๆกันแล้วคงจะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้
นี่เขาโดนคุโรโกะขืนใจเรอะ!!?
มิโดริมะตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นที่สูญเสียความบริสุทธิ์ให้ชายอื่นโดยไม่เต็มใจ(?) จะแจ้งตำรวจแล้วสั่งฟ้องศาล(?) หรือจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดี เพราะว่ากันตามจริงแล้วเขาที่เป็นผู้ชายหนำซ้ำยังตัวใหญ่กว่าคุโรโกะตั้งเยอะจะโดนอีกฝ่ายขืนใจเนี่ยมันก็น่าอายน้อยซะเมื่อไหร่
โดยไม่ปล่อยให้มีเวลาเสียสติอยู่นานนัก ร่างเล็กกว่าที่เมื่อครู่ยังหลับสนิทก็ค่อยๆขยับตัว นัยน์ตากลมโตสีฟ้าปรือขึ้นด้วยความงัวเงียราวกับเด็กๆแลดูน่ารักจนทำให้คนมองเผลอใจเต้นผิดจังหวะไปชั่ววูบ ก่อนจะรีบตบตีตัวเองให้กลับมาตั้งสติ
คงจะใช้ใบหน้าไร้เดียงสาและน่ารักนี่หลอกลวงคนอื่นมานักต่อนักแน่ๆ นายมันร้ายนักคุโรโกะ!!
“อือ...มิโดริมะคุง?” เสียงทุ้มหวานงัวเงียพูดขึ้น เจ้าของชื่อรีบถอยตัวออกห่างบุคคลอันตราย(ในความคิด)ทันที
“คุโรโกะ นี่นาย..” มิโดริมะตั้งท่าจะเอ่ยข้อกล่าวหา ทว่าถ้อยคำของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาชะงักเสียก่อน
“มิโดริมะคุง...คุณทำผมปวดไปหมดเลยครับ” คุโรโกะนิ่วหน้าพร้อมกับเอามือกุมที่หลังและบั้นท้ายทำให้ไม่ต้องเสียเวลาถามว่าปวดตรงไหน
จะว่าไป จากที่เขาเคยใช้เวลาว่างศึกษา(ไม่ใช่เพราะสนใจอะไรเป็นพิเศษแต่เพราะไม่มีอะไรจะทำมากกว่า) เวลาผู้ชายทำเรื่องอย่างว่ากัน คนที่เจ็บมักจะเป็นฝ่ายรับ นี่แปลว่าคุโรโกะไม่ได้ขืนใจเขา แต่กลายเป็นเขาที่หน้ามืดทำกับคุโรโกะตอนเมาอย่างงั้นหรอกเรอะ
ย้อนความถึงบรรดาเจเนอเรชั่นปาฏิหาริย์แม้จะเป็นจูนิเบียว(?)และอีโก้สูงเพียงใด ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีร่วมกันนั้นคือความรักและห่วงใยที่มีต่อผู้เล่นมายาคนที่หกของพวกตนไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะบางคนที่ไม่แค่ห่วงแต่ถึงขั้น’หวง’เลยทีเดียว ดูตัวอย่างผู้เล่นทีมเมย์โควที่เป็นอดีตเพื่อนสมัยเด็กที่โดนถล่มซะย่อยยับ แล้วยังคู่หูคนใหม่ของคุโรโกะที่เกือบจะต้องไปศัลยกรรมใบหน้าใหม่ด้วยพิษรักแรงหึงของอดีตกัปตันของพวกเขาอีก
แค่คิดถึงผลที่จะตามมาเมื่ออดีตเพื่อนร่วมทีมรู้เรื่องนี้เข้าก็ถึงกับขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
ถ้าจะหนีให้พ้นจากเงื้อมือ(และกรรไกร)ของอาคาชิ เซย์จูโร่ บางทีที่ไหนในญี่ปุ่นก็อาจจะไม่พ้น คงต้องไปต่างประเทศเท่านั้น
คุโรโกะเอียงคอมองคนที่สีหน้าซีดลงแล้วก็ท่าทีแพนิกที่เปลี่ยนไปมาแทบทุกวินาทีของอีกฝ่ายอย่างงุนงง ท่าทางมิโดริมะคุงจะเจอเรื่องเครียดๆอะไรบางอย่างอยู่ล่ะมั้ง
เค้าว่ากันว่าความซวยเมื่อเจอครั้งหนึ่งมักจะตามกันมาแบบเป็นซีรี่ยส์ ดังนั้นเรื่องซวยๆของมิโดริมะจึงยังไม่จบสิ้นลงง่ายๆ
“อือ...ชินจัง ส่งเสียงดังอะไรหนวกหูน่ะ..” ร่างของเด็กหนุ่มผมดำโผล่ออกมาจากผ้าห่มอีกฝั่งในสภาพที่ไม่ต่างจากผู้สมรู้ร่วมคิด(?)ของตนเท่าไหร่ ผิวขาวที่ติดจะเข้มกว่าคุโรโกะอยู่นิดหน่อยแต่สภาพร่างกายก็ไม่ค่อยต่างกันนัก รวมไปถึงร่องรอยเป็นจ้ำๆสีแดงที่ประปรายอยู่ทั่วลำคอนั่นก็ด้วย
บางทีการหนีไปอยู่ต่างประเทศก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่เลวร้ายนัก
Talk :
หนึ่งในฟิคซีรียส์จูบที่โดนดองนานมาก ฮาาา นานขนาดไหนคิดดูแล้วกันว่าธีมฟิคนี้เป็นทานาบาตะ แต่นี่เดือน 10 (จะขึ้นเดือน 11) แล้วเพิ่งจะได้มาลง Orz
เป็นฟิคที่...ไร้สติ และไร้สาระมาก ตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนเขียวดำ แต่ไปๆมาๆมันหาพลอตที่ลงตัวสำหรับคู่นี้ไม่ได้ซะที เหมือนเป็นคู่ที่จะมาลงเอยกันยากมาก คือคนนึงก็ซึน อีกคนนึงก็เฉย เราจึงต้องใส่ทาคามาเพื่อความลื่นไหล(?)ของสมการค่ะ กร๊ากกกก
ส่วนตอนท้าย เรื่องที่่ว่าใครจะทำใคร(?)หรือจะแพริ่งไหนนั้น ให้คนอ่านคิดกันเอาเองค่ะ แต่จริงๆมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นในกอไผ่หรอกเชื่อเถอะ
รู้สึกเหมือนไม่ได้อัพบลอกนานมาก เพราะเข้ายากเหลือเกิน ช่วงนี้เลยอัพแต่ในแฟนเพจอย่างเดียวเลยค่ะ
สำหรับ Replay ภาคแรกเปิดจองทางไปรษณีย์แล้วนะคะ ใครสนใจสามารถจองได้ที่ >> Link << เลยค่ะ
ขอบคุณมากค่าาา
No comments:
Post a Comment