Title : Replay
Author : freyaminnie
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Aomine x Kuroko
Rating : PG-13
11
โรงยิมกว้างใหญ่รายล้อมด้วยอัฒจรรย์ที่เรียงซ้อนกันหลายสิบชั้นซึ่งสามารถจุผู้คนได้เป็นหลักหลายหมื่น อันเป็นสังเวียนการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลมัธยมระดับประเทศหรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าอินเตอร์ไฮ บรรดาเด็กหนุ่มตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมต้นไปจนถึงมัธยมปลายต่างเดินทางมาจากทั่วประเทศเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งอันทรงเกียรติที่เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของญี่ปุ่นนี้
การแข่งขันจะเป็นแบบทัวร์นาเม้นท์ ซึ่งหมายความว่าสำหรับแต่ละทีมนั้นมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว และต้องชนะให้ได้เท่านั้นถึงจะได้ไปต่อ สำหรับคนที่แพ้ก็ต้องตกรอบไปโดยไม่มีข้อแม้และไม่เปิดโอกาสให้แก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ความกดดันอันหนักอึ้งที่ผู้เล่นทุกทีมต้องแบกรับมากมายนัก
โดยเฉพาะเมื่อชื่อเสียงของมัธยมต้นเทย์โควในฐานะแชมป์เก่ายิ่งทำให้เป็นที่จับตามอง ทันทีที่เหล่าเด็กหนุ่มในชุดสีแข่งสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์เดินออกมาจากห้องล็อกเกอร์ ทุกสายตาก็ราวกับจะจับจ้องมาที่พวกเขาเป็นตาเดียวกัน
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนมองไปรอบๆสถานที่กว้างขวางใหญ่โต ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเข้ามาในที่แห่งนี้ เพียงแต่ทุกครั้งจะได้เป็นเพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งในกลุ่มผู้คนที่ยืนอยู่เบื้องหลังราวเหล็กสีดำซึ่งกั้นระหว่างที่นั่งผู้ชมกับสนามแข่งขัน และเพียงไม่กี่ครั้งหลังจากได้เลื่อนขึ้นทีมหนึ่งที่เขาได้ลงมายืนอยู่บนพื้นไม้เบื้องล่าง สิ่งที่กั้นขวางจากรั้วเหล็กแน่นหนากลายเป็นเพียงเส้นสีขาวบางๆบ่งบอกความต่างระหว่างอาณาเขตในและนอกสนาม หากแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้เข้าไปยืนอยู่บนสนามแข่งที่เปรียบเหมือนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
“ตื่นเต้นหรือไง” เสียงทุ้มของคนข้างตัวเอ่ยถาม
“ไม่ตื่นเต้นก็แปลกแล้วครับ” ถึงแม้สีหน้าจะยังดูเรียบเฉย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายในใจนั้นกำลังเต้นกระหน่ำราวกับกลองรัว เขาพยายามจะสงบใจไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้แต่ดูจะเปล่าประโยชน์ ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปใกล้สนามแข่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งราวกับหัวใจจะทำงานหนักจนกลัวจะหยุดเต้นไปเลยด้วยซ้ำ
มือเรียวขาวเลื่อนไปสัมผัสเนื้อผ้าบางที่อยู่ภายใต้เสื้อวอร์มตัวหนา ชุดยูนิฟอร์มสีขาวสลับฟ้าของเทย์โควปักหมายเลข 15 ไว้ตรงกลางหลัง หมายเลขตัวจริงของเขา
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า แค่ทำให้ได้เหมือนตอนที่ซ้อมก็พอ” อาโอมิเนะพยายามให้กำลังใจ เขาเองเคยผ่านการแข่งขันมาไม่รู้กี่ครั้งจึงไม่แปลกที่จะชินแล้วกับบรรยากาศแบบนี้
การแข่งขันครึ่งแรกกำลังจะเริ่ม นักกีฬาตัวจริงทั้งห้าคนลงไปพร้อมกันตรงกลางสนามเพื่อเผชิญหน้ากับผู้เล่นอีกฝั่ง กรรมการประกาศอะไรเล็กๆน้อยๆ
กัปตันของทั้งสองทีมโยนเหรียญกันเพื่อตัดสินว่าฝ่ายใดจะได้เริ่มบุกก่อน แล้วเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นพร้อมกับลูกบอลที่ถูกส่งลอยไปในอากาศ
ทีมคู่แข่งสามารถรับมือกับแชมป์เก่าได้ดีในระดับหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงการวางกลยุทธ์และเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี ทำให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายผลัดกันทำแต้มได้อย่างสูสี
คุโรโกะที่อยู่บนม้านั่งมองดูเพื่อนร่วมทีมวิ่งไล่ตามลูกบาสเก็ตบอลในสนามด้วยความตื่นเต้น ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวจริงของทีมหนึ่งย่อมมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการชู้ตสามแต้มอันแม่นยำของมิโดริมะ การป้องกันที่ยอดเยี่ยมของมุราซากิบาระ หรือแม้แต่การขโมยความสามารถที่เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ของไฮซากิ
แต่คนที่เปล่งประกายที่สุดในสายตาคู่นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเด็กหนุ่มผิวเข้มผู้ซึ่งกำลังเลี้ยงลูกบาสผ่านการบล็อกไปชู้ตลูกลงห่วงด้วยท่วงท่าที่ไร้การคาดเดาได้อีกครั้ง
ควอเตอร์ที่สองจบลงด้วยสกอร์ไม่ห่างกันมากที่ 50 - 45 ขณะที่บรรดานักกีฬาที่ลงเล่นในครึ่งแรกกำลังพักดื่มน้ำและยืดหยุ่นร่างกายให้หายเหนื่อยอยู่นั้น เด็กหนุ่มผมแดงที่นั่งเฝ้าดูการแข่งขันโดยไม่ปริปากพูดอะไรมาตั้งแต่วินาทีแรกหลังการ Tip-off กำลังปรึกษากับผู้จัดการทีมและโค้ชถึงกลยุทธ์ที่จะใช้ในการแข่งครึ่งหลังอย่างคร่ำเคร่ง
“นี่ครับ อาโอมิเนะคุง” คุโรโกะยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้อาโอมิเนะที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องล้อกเกอร์
“ขอบใจ เท็ตสึ” มือสีแทนรับผ้าผืนนั้นมาซับเหงื่อที่ไหลโทรมอาบผิวหน้า ก่อนจะออกแรงฉุดร่างบางให้ลงมานั่งด้วยกันที่พื้น “เหนื่อยเป็นบ้า”
ร่างเล็กกว่าไม่ได้ว่าอะไรเมื่อศีรษะของอีกฝ่ายเอนลงมาซบไหล่ตน เขาเพียงนั่งนิ่งๆแล้วยอมให้ร่างสูงกว่าใช้พิงต่างหมอน
เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มต้นการแข่งขันในควอเตอร์ที่สาม
“พร้อมหรือยัง เท็ตสึยะ” อาคาชิพูดขึ้นพร้อมกับวางมือบนไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ คุโรโกะรู้สึกได้ว่าหัวใจของตนกำลังเต้นหนักขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขาก็พยักหน้า
โอกาสมาถึงแล้ว ถ้าไม่พร้อมตอนนี้ ก็คงไม่มีโอกาสไหนจะผ่านเข้ามาอีก
“สีขาวเปลี่ยนตัว เบอร์ 15 เข้า เบอร์ 11 ออก” ทันทีที่ลูกออกนอกสนามอีกครั้ง กรรมการก็ขานอนุญาตให้ทำการเปลี่ยนตัวได้
ในขณะที่เกมกำลังดำเนินไปอย่างสูสีเช่นนี้ การเปลี่ยนตัวทุกครั้งย่อมจะมีผลกระทบต่อทิศทางของการแข่ง จึงต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดี และคนที่จะเปลี่ยนลงมานั้นก็จะต้องเป็นคนที่สามารถทำให้กระแสของเกมกลับมาอยู่กับตนให้ได้มากที่สุด
รุ่นพี่ปีสามผู้สวมเสื้อเบอร์ 11 แสดงสีหน้าไม่เข้าใจอย่างชัดเจนถึงเหตุผลที่ตนโดนเปลี่ยนตัวออกแต่ก็ยอมเดินออกไปอยู่ข้างสนามแต่โดยดีเพราะคิดว่าอาคาชิอาจจะถูกเปลี่ยนลงสนามมาแทนตนก็เป็นได้ และถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็คงไม่มีสิทธิจะไปขัดขืน แต่เมื่อเขาเห็นว่าคนที่จะถูกเปลี่ยนลงมาแทนเป็นใครก็ถึงกับต้องโวยวาย
“โค้ช!! ทำไมถึงเป็นหมอนี่!!?” ไม่เพียงเขาเท่านั้นยังมีเหล่าตัวสำรองอีกหลายคนที่พากันประท้วงในการตัดสินใจอันคาดไม่ถึงของโค้ช
“ทีมสีขาว เปลี่ยนตัวแล้วทำไมยังไม่เอานักกีฬาลงสนามอีก” เสียงกรรมการทักท้วงขัดจังหวะสงครามย่อมๆข้างสนามเสียก่อน
“เอ่อ.. ผมอยู่นี่ครับ” เป็นตอนนั้นเองที่ทั้งกรรมการ ผู้เล่นฝั่งตรงข้าม และคนดูทั้งหมดเพิ่งจะสังเกตเห็นเจ้าของเสื้อเบอร์ 15 ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนเป็นครั้งแรกแม้เจ้าตัวจะลงไปยืนอยู่ในสนามได้นานสักพักแล้วก็ตาม
“นี่เธอโผล่มาจากไหนกันเนี่ย!?”
“หมอนี่น่ะเรอะ ล้อเล่นกันรึไง?”
“ใครปล่อยเด็กที่ไหนลงสนามมารึเปล่า?”
เสียงอุทานและแสดงความประหลาดใจอื่นๆอีกมากมายดังมาจากทั่วทุกทิศทุกทางไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม
เด็กหนุ่มผมสีฟ้ากับส่วนสูงที่เมื่อเทียบกับนักกีฬาคนอื่นๆในสนามแล้วก็เรียกได้ว่าต่ำกว่ามาตรฐานพอสมควร ทั้งร่างกายที่แลดูบอบบางไม่ได้มีกล้ามเนื้อแบบคนฝึกฝนเล่นกีฬามานาน หรือจะเป็นใบหน้าและท่าทางที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความเก่งกาจหรือความคุกคามใดๆเลยก็ตาม
นี่พวกเขากำลังล้อเล่นอะไรกันอยู่หรือไง หรือว่าเทย์โควมั่นใจมากว่ายังไงก็สามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงจึงกล้าส่งตัวสำรองแบบนี้ลงมา ผู้ตัดสินถึงกับต้องหันไปทางม้านั่งฝั่งเทย์โควราวกับจะสอบถามความถูกต้องในการตัดสินใจนี้ และสิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือการพยักหน้าอย่างช้าๆและสีหน้าที่แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมของผู้ครองตำแหน่งกัปตันทีมในขณะนั้น
“งะ..งั้นก็เริ่มแข่งต่อได้” เมื่อไม่เห็นว่าเป็นการผิดพลาดใดๆ กรรมการจึงสั่งให้เริ่มการแข่งขันต่อแม้จะยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
แผ่นดินไหว? ไม่สิ ขาทั้งสองข้างของเขาต่างหากที่กำลังสั่น สั่นจนแม้แต่จะก้าวเท้าออกไปเพียงก้าวเดียวก็ยังทำไม่ได้ และทั้งที่เพิ่งจะลงสนามมาโดยยังไม่ทันได้วิ่งหรือออกแรงเลยสักนิด แต่เหงื่อกาฬกับเริ่มไหล่ซึมตามแผ่นหลังและฝ่ามือจนเปียกชื้นไปหมด ร่างกายเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็ง หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่เขายังคงยืนแข็งทื่ออยู่ที่จุดเดิมอยู่ตั้งแต่เสียงนกหวีดดังขึ้นเมื่อสักครู่
เสียงเชียร์ของผู้ชมรอบสนามดังกระหึ่มเข้ามาในหูจนอื้อ แต่ยังไม่ดังเท่าเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นกระหน่ำซ้ำไปมาจนน่ากลัวว่าจะหลุดออกมานอกอก สายตามองเห็นลูกบอลสีส้ม อันเป็นเป้าหมายของเขา หากแต่ลูกบาสเก็ตบอลนั้นทำไมถึงได้อยู่ไกลออกไปเหลือเกิน ต้องเอื้อมให้ถึง ต้องวิ่งไปหา เขาพยายามยกแขนที่หนักอึ้งราวกับโดนลูกเหล็กถ่วงไว้ขึ้นมา พยายามยกขาที่ราวกับจะโดนตรึงไว้ที่พื้นบังคับให้มันก้าวเดินออกไป
โครม!
ทันทีที่ก้าวเท้าออกไป ร่างเล็กก็สะดุดขาอีกข้างของตัวเองล้มลงหน้าทิ่มพื้นสนามท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายที่มองอยู่
“เท็ตสึ! เป็นอะไรรึเปล่า!?” เด็กหนุ่มผิวเข้มรีบเข้าไปดูอาการเพื่อนสนิทที่จู่ๆก็สะดุดอากาศล้มไปซะเฉยๆ พอประคองร่างอีกฝ่ายขึ้นมาก็พบว่าบนใบหน้ามีเลือดสีแดงเข้มเปรอะเปื้อนอยู่ “เฮ้ นายเลือดไหลด้วยนี่”
คุโรโกะไม่รู้สึกตัวว่าเลือดกำเดาออกจนกระทั่งอาโอมิเนะทักขึ้นมา สติสัมปชัญญะดูจะโดนความวิตกกังวลและอาการตื่นสนามทำให้กระเจิดกระเจิงหายไปจนหมดแล้ว ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าโดนหามออกมานั่งข้างสนามเพื่อปฐมพยาบาลให้เลือดกำเดาหยุดไหลก่อนจะลงแข่งต่อได้
“ทีมสีขาว จะเปลี่ยนตัวไหม?” กรรมการถามย้ำอีกครั้ง หากแต่คำตอบที่มาจากเด็กหนุ่มผมแดงผู้นั่งอยู่บนม้านั่งข้างสนามนั้นยังคงเป็นเหมือนเดิม
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต่างพากันหัวเราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คิดเกรงใจคนเจ็บหรือเพื่อนร่วมทีมเลยสักนิด เริ่มลำพองว่าศึกครั้งนี้พวกเขาอาจจะชนะได้ง่ายดายกว่าที่คิด บางทีเทย์โควอาจจะมีดีแค่ชื่อก็เป็นได้
แต่พวกเขาคิดผิดถนัด
คุโรโกะเดินลงไปในสนามอีกครั้งหลังได้รับการห้ามเลือดให้เรียบร้อย หากแต่ความตื่นเต้นกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิด อาการเดิมๆเริ่มจะกลับมา ขาเริ่มจะสั่นอีกครั้ง
ตอนนั้นเองที่เงาร่างสูงใหญ่ทาบทับบดบังแสงจากหลอดไฟนีออนบนเพดานไปเสียหมดจนต้องเงยหน้ามอง
อาโอมิเนะ ไดกิ ยืนอยู่ใกล้จนแทบสัมผัสถึงความร้อนจากร่างกายอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมมาหา แล้วนิ้วเรียวก็ดีดเพี๊ยะตรงกลางหน้าผากนวลอย่างแรง
“โอ๊ย! เจ็บนะครับ” มือบางยกขึ้นกุมหน้าผากบริเวณที่โดนทำร้ายจนขึ้นรอยแดงไว้แล้วมองตัวการด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อตัวการที่ว่านั้นกลับส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ ไม่ใช่รอยยิ้มสะใจที่ได้แกล้ง หรือความขบขัน แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยความอบอุ่นจนรู้สึกได้
“หายตื่นเต้นรึยัง?” อาโอมิเนะถาม คุโรโกะถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าขาที่เคยสั่นกลับหายแล้ว แม้หัวใจจะยังเต้นแรงอยู่ก็เถอะ
“เท็ตสึ ถ้านายสับสนจนไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้จะมองไปทางไหน ก็ให้มองมาที่ฉันคนเดียวก็พอ” นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มลึกล้ำมองสบลงมาจนเขาสามารถเห็นความจริงจังในแววตานั้นได้ไม่ยาก “มองแค่การเล่นของฉัน เหมือนอย่างที่นายทำมาตลอด แล้วฉันจะเป็นแสงคอยนำทางให้นายเอง”
ร่างเล็กรู้สึกได้ว่าคำพูดนั้นสลายความตื่นเต้นใดๆให้หายไปได้หมด เหลือทิ้งไว้เพียงความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำ กำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ ในสนามแห่งนี้ ที่เขาจะได้เล่นบาสเก็ตบอลกับอาโอมิเนะคุงอย่างที่ตนปรารถนามาตลอด
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนกลับมาสดใสดังเดิม เสียงโห่เชียร์ของผู้คนห่างไกลออกไป เขามองไปรอบๆเห็นบริเวณสนาม เห็นผู้เล่นทั้งสองทีม และเห็นลูกบาสเก็ตบอลสีส้มได้อย่างชัดเจน
เขาหันไปพยักหน้าให้กับร่างสูงที่ยืนอยู่เคียงข้าง แล้วออกวิ่งไปในสนามพร้อมๆกันอย่างมั่นคง
ถ้าหากอาคาชิเป็นคนมอบปีกคู่นี้ให้กับเขา อาโอมิเนะก็เป็นคนที่มอบความกล้าหาญในการที่จะโบยบินออกไปสู่ท้องฟ้ากว้างให้กับเขาเช่นกัน
“เหอะ ไม่รู้ว่าพวกนายเล่นอะไรกัน” ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม
แต่แล้วจู่ๆลูกบาสเก็ตบอลที่กำลังเลี้ยงอยู่ในมือก็ถูกชิงไปด้วยความเร็วที่ไม่ทันมองเห็น ลูกบาสสีส้มถูกส่งข้ามสนามไปยังตำแหน่งที่เมื่อสักครู่ยังไม่มีผู้เล่นอยู่ แต่ไม่ถึงเสี้ยววินาทีถัดมาร่างสูงผิวแทนก็วิ่งไปปรากฏตัวอย่างรวดเร็วราวกับเป็นจุดที่ได้นัดแนะกันไว้
อาโอมิเนะรับลูกพาสนั้นแล้วกระโดดทำเลย์อัพชูตเข้าไปได้ในจังหวะที่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมัวแต่ตื่นตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามต่อหน้าต่อตาพวกเขา
“เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ!??” นั่นคือสิ่งที่ทุกคนทั้งในและนอกสนามบนรวมถึงผู้ชมบนอัฒจรรย์ต่างคิดตรงกัน ไม่มีใครทันมองเห็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ราวกับเป็นภาพหลอนหรือภาพลวงตาอะไรบางอย่างมากกว่าจะเกิดขึ้นจริง ไม่มีทางที่ใครบางคนจะเร็วได้ขนาดนั้นแน่
“ก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหละ อย่าไปใส่ใจเลย”
ราวกับจะตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความบังเอิญหรือเกิดจากความประมาทแต่อย่างใด ขณะที่ผู้เล่นอีกคนกำลังจะพาสลูกไปยังเพื่อนคนที่ว่างจากการประกบอยู่นั้น ลูกพาสก็ถูกตัดได้โดยเงาร่างที่จู่ๆก็โผล่เข้ามาขวางไว้ได้อีกครั้ง
“ไนซ์พาส เท็ตสึ!” เป็นอีกครั้งที่บอลถูกวางข้ามสนามไปเข้ามือของอาโอมิเนะที่รออยู่พอดิบพอดี จังหวะที่เข้ากันได้อย่างงดงามนั้นไม่ได้เกิดจากความบังเอิญหรือโชคช่วยใดๆทั้งสิ้น แต่เกิดจากชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า วันแล้ววันเล่าที่พวกเขาได้ฝึกฝนด้วยกันมาตลอด จนเกิดเป็นความเข้าขากันเหมือนทั้งคู่ต่างรอคอยที่จะได้เล่นบาสด้วยกันเช่นนี้มานาน
“ไนซ์ชู้ตครับ อาโอมิเนะคุง” รอยยิ้มเปล่งประกายที่เคยได้แต่ฝันถึงมาตลอด บัดนี้ได้ถูกส่งมาให้เขาแล้ว ในฐานะเพื่อนร่วมทีม ในฐานะคู่หูที่ได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับ
กำปั้นสีแทนยื่นมาหา เขาลังเลชั่วครู่เพราะไม่รู้จะตอบสนองยังไง แต่แล้วก็ยกมือขวาของตัวเองขึ้นเพื่อชนหมัดกับกำปั้นนั้นด้วยความเต็มใจ
“จบเกม เทย์โควชนะ 89 – 80” เสียงนกหวีดยาวเป็นสัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน
พร้อมกับการเปิดตัวของผู้เล่นปริศนาหนึ่งในสมาชิกของทีมที่ในอนาคตจะถูกเรียกว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งราวกับปาฏิหาริย์
และการถือกำเนิดของคู่หูแสงและเงาที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันกีฬาบาสเก็ตบอลระดับมัฐยมต้น
TBC
No comments:
Post a Comment