Title : Replay
Author : freyaminnie
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Aomine x Kuroko
Rating : PG-13
01
ยามราตรีที่ท้องฟ้าภายนอกมืดมิด ผิดกับโรงยิมหลังใหญ่ที่ยังคงมีแสงไฟสว่างจ้า เสียงของรองเท้าผ้าใบเคลื่อนที่เสียดสีสลับกับเสียงกระทบของวัตถุสีส้มสดตกลงบนพื้นสนามมันปลาบดังกึกก้องสะท้อนไปมา
ร่างโปร่งบางเพียงหนึ่งเดียวยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงแม้ว่าคนอื่นๆจะทยอยกลับกันไปหมดตั้งแต่หัววัน ทั้งยังไม่มีวี่แววว่าจะเลิกง่ายๆเสียด้วย มือเรียวที่ต้องใช้ถึงสองข้างในการประคองลูกบาสเก็ตบอลไว้ให้มั่นก่อนจะออกแรงชู้ตโดยมีเป้าหมายเป็นแป้นบาสที่อยู่สูงกว่าสองเมตร
ภาพของลูกบาสสีส้มพุ่งลอดห่วงเหล็กและหล่นลงมาตามตาข่ายอย่างงดงามที่หวังจะให้เป็นกลับไม่เกิดขึ้น
“เฮ้อ..” เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างผิดหวังกับความพยายามในการทำคะแนนที่พลาดอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง
เสียงประตูโรงยิมที่เปิดออกก็ดึงความสนใจของเขาไปยังผู้ที่เข้ามาใหม่
แต่อีกฝ่ายที่เข้ามากลับไม่ทันได้สังเกตถึงร่างเล็กที่ครอบครองพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว สายตากวาดมองไปรอบๆโรงยิมที่เกือบจะว่างเปล่าพร้อมสีหน้าที่เริ่มเผือดสีลงทีละน้อยๆ หัวสมองที่ไม่ค่อยจะได้ใช้ทำงานนอกจากเรื่องบาสเก็ตบอลกำลังคิดหนักถึงเรื่องที่ผู้จัดการสาวบอกเล่าให้ฟัง
ทั้งที่ก่อนหน้าที่จะเปิดประตูเข้ามา เสียงเสียดสีของรองเท้าผ้าใบและเสียงเดาะลูกบาสยังดังไม่ขาดสาย ไม่น่าที่ใครบางคนจะหายตัวไปได้เร็วขนาดนั้น
ยกเว้นแต่ว่า....คนๆนั้น...จะไม่ใช่คน
“เอ่อ.. คุณเป็นใครเหรอครับ?” เสียงเอ่ยทักที่ดังจากด้านหลังในจังหวะที่เหมาะเจาะกับที่เขากำลังคิดถึงเรื่องพรรค์นั้นอยู่พอดี ทำให้แม้แต่นักบาสคนเก่งแห่งเทย์โคผู้ซึ่งมั่นใจนักหนาว่าตนไม่เคยเกรงกลัวอะไรสะดุ้งจนต้องไปคู้ตัวหมอบลงกับพื้น
ร่างสูงโปร่งกับผิวสีแทนและเรือนผมสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกับดวงตาคู่นั้นทำให้เขาจำได้ทันทีแม้จะไม่เคยได้สนทนากันเลยสักครั้ง
“เอ๋? อาโอมิเนะคุง?” คุโรโกะเอ่ยทักอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจในการกระทำของเด็กหนุ่มผู้มาใหม่
และนั่น...คือการพบกันครั้งแรกของคุโรโกะ เท็ตสึยะ และอาโอมิเนะ ไดกิ
.
.
.
.
“ฮ่ะๆๆๆๆๆ อะไรกัน ที่ไม่มีใครมองเห็นนายอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าตัวนายจืดจางเกินไปงั้นเรอะ ฮ่าๆๆๆ” ทันทีที่ได้ฟังเบื้องหลังเรื่องลี้ลับของชมรมบาสแห่งโรงเรียนเทย์โคทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่ เด็กหนุ่มสองคนนั่งอยู่บนพื้นโรงยิมพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“อาโอมิเนะคุง หัวเราะมากเกินไปแล้วครับ” ร่างเล็กกว่าเอ่ยปรามคนที่เอาแต่หัวเราะไม่หยุดสักที
“เดี๋ยวนะ ฉันบอกชื่อนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักชื่อของตนทั้งที่ยังไม่ได้บอก
“คุณเป็นคนดังนี่ครับ เด็กปีหนึ่งที่ได้เป็นถึงตัวจริงของทีมชุดแรกน่ะมีอยู่ไม่มากนักหรอกครับ”
“หืม จริงเหรอ ว่าแต่แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
“ผม..อยู่ทีมสามน่ะครับ..” ใบหน้าของคุโรโกะหม่นลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสภาพร่างกายและระดับชั้นความสามารถของตัวเองที่ช่างแตกต่างจากคนตรงหน้ามากนัก
“โง่น่ะ ฉันไม่ได้สนซักหน่อยว่านายจะอยู่ทีมหนึ่งหรือว่าทีมสาม นายชอบบาสมากพอที่จะอยู่ซ้อมหลังคนอื่นๆตั้งเยอะไม่ใช่รึไง คนที่ชอบเล่นบาสขนาดนั้นน่ะไม่มีทางเป็นคนไม่ดีได้หรอก นั่นล่ะทฤษฎีของฉันล่ะ!” เด็กหนุ่มผิวเข้มพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
คนที่ไม่เคยสนใจว่าตัวเองจะเป็นจุดเด่นขนาดไหน แต่กลับมาสนใจคนอย่างเขาที่มีตัวตนที่แสนจะจืดจาง
คนๆนี้ ช่างเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดใจเสียจริง
“เป็นทฤษฎีที่แปลกดีนะครับ”
“ว่าไงนะ!?”
“ผมชื่อคุโรโกะ เท็ตสึยะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยและไร้อารมณ์ ในตอนนั้นอาโอมิเนะไม่ได้เข้าใจนักถึงความสำคัญของสิ่งนั้นเลยได้แต่ปล่อยมันผ่านไป
“หึ เช่นกันคุโรโกะ”
ลูกบาสเก็ตบอลสีส้มลอยหวือเข้ามาอยู่ในมือบางที่รับไว้ได้อย่างทันท่วงที นัยน์ตาสีฟ้าใสมองไปเห็นร่างสูงที่ลุกขึ้นยืดหยุ่นร่างกายเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว
“จะนั่งอยู่บนพื้นจนถึงเมื่อไหร่กันล่ะ มาซ้อมกันเถอะ”
“คนที่ลงไปนั่งบนพื้นก่อนคืออาโอมิเนะคุงนี่ครับ”
“นั่นมัน..เพราะจู่ๆนายก็โผล่มาข้างหลังฉันต่างหาก!”
“ไม่คิดเลยนะครับว่าอย่างคุณจะกลัวผีกับเขาเหมือนกัน”
“ไม่ได้กลัวเฟ้ย! เลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้วน่า”
อาโอมิเนะคว้าบอลกลับมาไว้ในมือแกร่งที่เลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว ขาทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวเข้าหาแป้นบาสอีกฝั่งก่อนจะกระโดดขึ้นเลย์อัพแล้วชู้ตลูกบาสเข้าห่วงไปอย่างสวยงาม
แปะ แปะ
เสียงปรบมือจากผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวดังขึ้นหลังจากจบการทำคะแนนอันไร้ที่ตินั้น
“ยอดไปเลยครับ...อาโอมิเนะคุง เป็นวิธีเปลี่ยนเรื่องที่ดีนะครับ”
“พูดมากน่า นายลองทำดูบ้างสิคุโรโกะ”
เด็กหนุ่มผมฟ้านิ่งไปกับคำพูดนั้น แม้สีหน้าจะยังเฉยชาเหมือนเดิมแต่ในใจกลับรู้สึกหนักหน่วงเหลือเกิน
“ของแบบนั้น ใครจะไปทำได้ครับ”
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ เอ้า” เด็กหนุ่มผิวแทนโยนลูกบาสให้อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ คุโรโกะถอนหายใจกับความเอาแต่ใจเหมือนกับเด็กนั้นก่อนจะยอมทำตาม
ร่างเล็กเลี้ยงลูกบาสเข้าหาแป้นตามแบบท่วงท่าที่เคยเห็นเมื่อสักครู่ ก่อนจะกระโดดขึ้นแม้จะไม่สูงเท่าเพื่อส่งลูกบาสเข้าห่วงเหล็กสีแดงสด
หากแต่ว่าแทนที่จะลอดผ่านตาข่ายลงสู่พื้นอย่างสวยงามตามที่ควรจะเป็น ลูกบอลสีส้มกลับเด้งชนแป้นไม้ด้านหลังแล้วกระดอนกลับมาโดนหัวของคนชู้ตพอดิบพอดีซะอย่างนั้น
“ฮ่ะๆๆๆๆๆ ทำอะไรของนายเนี่ย”
“อาโอมิเนะคุง มีอะไรน่าขำตรงไหนครับ” คุโรโกะเอายกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆพร้อมส่งสายตาขุ่นเคืองที่ดูยังไงก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ไปให้ ตรงที่โดนลูกบาสกระแทกก็ไม่ใช่จะไม่เจ็บหรอกนะ ยังจะมาหัวเราะกันแบบนี้อีก
“ก็มัน..ฮ่ะๆๆๆๆ โอย โอ๊ย! ทำอะไรของนายเนี่ย!?” อาโอมิเนะเอาแต่หัวเราะจนตัวงอ แล้วก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อโดนฝ่ามือแหลมๆทิ่มเข้าให้ที่ท้องพอดี ถึงเขาจะมีกล้ามเนื้อที่ท้องเป็นซิกแพคก็เถอะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ก็ใช่ว่าจะแรงน้อยเสียเมื่อไหร่
“ก็เจ็บเสมอกันแล้วไงครับ” ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว ตัวการผู้ประทุษร้ายก็หนีไปเลี้ยงลูกบาสอยู่อีกปลายสนามเสียแล้ว
.
.
.
.
สามชั่วโมงหลังจากนั้น เด็กหนุ่มทั้งสองนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นไม้ที่ถูกขัดจนขึ้นเงา ทั้งเสื้อผ้าและร่างกายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลรินจากความเหน็ดเหนื่อย เสียงหอบหายใจดังแทนที่เสียงกระดอนของลูกบาสที่เพิ่งจะหยุดลงได้ไม่นาน ก่อนจะตามมาด้วยอวัยวะอีกอย่างที่ร้องประท้วงหาความเป็นธรรมจากเจ้าของ
โครกกกกก
“หิวเป็นบ้า”
“นั่นสินะครับ”
“งั้น....มาจิเบอร์เกอร์ก็แล้วกัน” เสียงทุ้มเสนอขึ้น หลังจากพิจารณาแล้วว่าร้านอาหารแห่งใดอยู่ใกล้ในระยะที่สามารถเดินทางไปถึงได้โดยไม่หมดแรงตายไปข้างทางเสียก่อน
“วนิลลาเชค” เสียงอ่อนระโหยเหมือนจะละเมอนั่นทำให้อาโอมิเนะต้องหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะหันไปเรียกอีกฝ่าย
“ตกลงแล้วงั้นก็ไปกันเถอะ”
เงียบ... สิ่งมีชีวิตที่ชื่อคุโรโกะ เท็ตสึยะยังคงนอนนิ่งอยู่ ณ จุดเดิมโดยไม่ขยับไปไหน
“ผมลุกไม่ไหวแล้วครับ”
“นายนี่มัน...ชักช้าชะมัด” มือหนาคว้าข้อมือเล็กกว่าแล้วฉุดให้ลุกขึ้น ใบหน้าคมปรากฏความระอาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไปมากกว่านั้น แววตาสีฟ้าใสแสดงความตกใจชั่วครู่ก่อนจะยอมลุกขึ้นตามแรงดึงที่ว่าโดยดี
“เอ้า ไปกันได้แล้ว”
.
.
.
.
แกร๊งงง
เสียงกระดิ่งดังขึ้นบ่งบอกให้พนักงานในร้านรับรู้ว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการร้านเบอร์เกอร์ท้องถิ่นที่ขายอาหารแบบเร่งด่วนสไตล์ญี่ปุ่น
"ยินดีต้อนรับค่ะ จะรับอะไรดีคะ"
ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดูสะอาดสะอ้านเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพว่ากินแล้วจะไม่มีอาการท้องเสียตามมาเป็นของแถม เด็กหนุ่มสองคนเดินไปที่เคาน์เตอร์พลางดูเมนูอาหารแผ่นเล็กๆที่ติดอยู่บนโต๊ะ
“วนิลลาเชคแก้วนึงครับ”
พนักงานสาวหลังเคาน์เตอร์ยังคงนิ่งอยู่นานแม้จะมีออเดอร์สั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาโอมิเนะมองพนักงานที่สบสายตากลับด้วยแววตาที่แสดงความสงสัยไม่แพ้กันก่อนจะเอ่ยถามในที่สุด
“จะสั่งอาหารรึยังคะ?”
เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่ได้ยิน ไม่สิ อาจจะไม่สังเกตเห็นคุโรโกะเลยแม้แต่น้อยมากกว่า
ที่บอกว่าตัวตนจืดจางดูท่าจะเป็นความจริงแฮะ คิดแล้วก็อดขำไม่ได้
ก่อนที่การสั่งอาหารฟาสฟู้ดธรรมดาจะกลายเป็นเกมจ้องตาไป เด็กหนุ่มผิวแทนที่แม้จะเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่างเลยถือวิสาสะรวบรัดเอาเองเพื่อตัดปัญหา
“งั้นเอาเทริยากิเบอร์เกอร์สองกับเฟรนช์ฟรายใหญ่ แล้วก็โค้กกับวนิลลาเชคอย่างละแก้วแล้วกัน”
ทั้งสองเลือกโต๊ะตัวนึงที่ว่างอยู่พอดี ดูเหมือนว่ามุมนี้จะไม่ค่อยมีใครมานั่งสักเท่าไหร่
อาโอมิเนะ นั่งจ้องแก้ววนิลลาเชคที่เด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามดูดจากหลอดเล็กๆอย่างเอร็ดอร่อย พลางคิดในใจกับตัวเอง ขนาดกินนมตั้งเยอะยังตัวแค่นี้ แล้วถ้าไม่กินเลยตัวจะเล็กขนาดไหนกันนะ
"นายน่ะ...กินแค่นี้ถึงได้ตัวเท่านี้สินะ" เห็นได้ชัดว่าคำพูดนั้นแทงใจอีกฝ่ายอย่างแรง สายตาที่มองกลับมาจึงหรี่ลงเล็กน้อย
"ก็กินเยอะมันจุกนี่คร...อุบ" เสียงตอบนั้นหายไปก่อนจะได้จบประโยคเพราะเทอริยากิเบอร์เกอร์ทั้งชิ้นที่ถูกยัดเข้าปากโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
"อู้ๆๆ" มือเล็กละจากแก้ววนิลลาเช็คแล้วตีลงที่มือใหญ่กว่าระรัว พร้อมกับพยายามส่งเสียงประท้วงอู้อี้ในลำคอกับอาวุธชีวภาพที่อาจจะทำเขาขาดอากาศหายใจในไม่กี่นาทีข้างหน้า
"ฮะๆๆๆ...กินเข้าไปเถอะน่าตัวจะได้โตเหมือนคนอื่นซักทีน่ะ" เสียงหัวเราะชอบใจในทีแรกเปลี่ยนเป็นจริงใจและอบอุ่น
มือที่พยายามตีอยู่นั้นถึงกับชะงักก่อนที่แก้มใสจะขึ้นสีระเรื่อจางๆเพราะสายตาของอีกฝ่ายที่ส่งมาด้วยความเป็นห่วง ปากกัดขนมปังเคี้ยวแล้วค่อยๆดันมือของอาโอมิเนะออกช้าๆ
"รู้แล้วล่ะครับ" ดวงตาสีฟ้าเสมองทางอื่น ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกว่าไม่กล้าสบตาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
พอเห็นเด็กหนุ่มร่างเล็กเงียบไปและลงมือกินเบอร์เกอร์โดยดี อาโอมิเนะก็เหมือนจะพอใจในผลงานและยอมรามือไปในที่สุด ร่างสูงกลับไปจดจ่อกับอาหารที่เหลืออยู่ตรงหน้าของตัวเองดังเดิมโดยไม่ทันได้รับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของอีกฝ่าย
.
.
.
.
“ฮ้า..อิ่มชะมัด”
“ก็อาโอมิเนะคุงเล่นกินตั้งสองชิ้นนี่ครับ”
เงาสองร่างหนึ่งสูงและอีกหนึ่งเตี้ยกว่าเดินเคียงกันไปสะท้อนบนพื้นจากแสงไฟถนนที่เริ่มจะสลัวๆ หลังจากยัดเยียดเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งให้คุโรโกะแล้ว อาโอมิเนะที่กินหมดอย่างรวดเร็วก็เดินไปสั่งเพิ่มอีกชิ้นก่อนขนมปังประกบไส้เนื้อย่างจะหายลงท้องไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกับชิ้นก่อนหน้า
“หา? หลังจากฝึกซ้อมก็ต้องเติมพลังงานเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง นายต่างหากที่กินน้อยเกินไปน่ะ” มือแกร่งยกขึ้นขยี้เรือนผมสีฟ้าอ่อนจนยุ่งฟูยิ่งกว่าเดิม
“หยุดเถอะครับ หัวผมยุ่งหมดแล้ว”
“ฮ่ะๆๆ ก็หัวนายมันอยู่ได้ระดับพอดีมือเลยนี่นา”
ร่างเล็กกว่าชักสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยกับข้อแก้ตัวพร้อมผมทรงใหม่ที่ได้มาโดยไม่เต็มใจนัก ก่อนจะสังเกตได้ว่าพวกเขาเดินมาถึงทางแยกหนึ่งแล้ว
“อา บ้านผมต้องเลี้ยวทางนี้ งั้นขอตัวก่อนนะครับ”
“ของฉันไปทางนี้ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ เท็ตสึ!”
เอ่ยลาเสร็จร่างสูงผิวเข้มก็วิ่งหายไปอีกทางด้วยความรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคัดค้านอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะได้เจอกันอีกหรือไม่ หรือเรื่องที่จู่ๆก็เรียกชื่อเขาห้วนๆก็ตาม
และทุกๆวันนับจากวันนั้น แม้ว่าสมาชิกชมรมคนอื่นๆจะกลับไปนานแล้ว อาโอมิเนะกับคุโรโกะก็จะอยู่ซ้อมด้วยกันที่โรงยิมแห่งนั้นเสมอ
TBC
No comments:
Post a Comment