Thursday, August 1, 2013

[KnB Fic] Replay - Chapter 1 [Aomine*Kuroko]



Title : Replay
Author : freyaminnie
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Aomine x Kuroko
Rating : PG-13




01





ยามราตรีที่ท้องฟ้าภายนอกมืดมิด ผิดกับโรงยิมหลังใหญ่ที่ยังคงมีแสงไฟสว่างจ้า เสียงของรองเท้าผ้าใบเคลื่อนที่เสียดสีสลับกับเสียงกระทบของวัตถุสีส้มสดตกลงบนพื้นสนามมันปลาบดังกึกก้องสะท้อนไปมา




ร่างโปร่งบางเพียงหนึ่งเดียวยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงแม้ว่าคนอื่นๆจะทยอยกลับกันไปหมดตั้งแต่หัววัน ทั้งยังไม่มีวี่แววว่าจะเลิกง่ายๆเสียด้วย มือเรียวที่ต้องใช้ถึงสองข้างในการประคองลูกบาสเก็ตบอลไว้ให้มั่นก่อนจะออกแรงชู้ตโดยมีเป้าหมายเป็นแป้นบาสที่อยู่สูงกว่าสองเมตร




ภาพของลูกบาสสีส้มพุ่งลอดห่วงเหล็กและหล่นลงมาตามตาข่ายอย่างงดงามที่หวังจะให้เป็นกลับไม่เกิดขึ้น




“เฮ้อ..”  เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างผิดหวังกับความพยายามในการทำคะแนนที่พลาดอย่างน่าเสียดายอีกครั้ง




เสียงประตูโรงยิมที่เปิดออกก็ดึงความสนใจของเขาไปยังผู้ที่เข้ามาใหม่




แต่อีกฝ่ายที่เข้ามากลับไม่ทันได้สังเกตถึงร่างเล็กที่ครอบครองพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว สายตากวาดมองไปรอบๆโรงยิมที่เกือบจะว่างเปล่าพร้อมสีหน้าที่เริ่มเผือดสีลงทีละน้อยๆ หัวสมองที่ไม่ค่อยจะได้ใช้ทำงานนอกจากเรื่องบาสเก็ตบอลกำลังคิดหนักถึงเรื่องที่ผู้จัดการสาวบอกเล่าให้ฟัง




ทั้งที่ก่อนหน้าที่จะเปิดประตูเข้ามา เสียงเสียดสีของรองเท้าผ้าใบและเสียงเดาะลูกบาสยังดังไม่ขาดสาย ไม่น่าที่ใครบางคนจะหายตัวไปได้เร็วขนาดนั้น




ยกเว้นแต่ว่า....คนๆนั้น...จะไม่ใช่คน




“เอ่อ.. คุณเป็นใครเหรอครับ?” เสียงเอ่ยทักที่ดังจากด้านหลังในจังหวะที่เหมาะเจาะกับที่เขากำลังคิดถึงเรื่องพรรค์นั้นอยู่พอดี ทำให้แม้แต่นักบาสคนเก่งแห่งเทย์โคผู้ซึ่งมั่นใจนักหนาว่าตนไม่เคยเกรงกลัวอะไรสะดุ้งจนต้องไปคู้ตัวหมอบลงกับพื้น



ร่างสูงโปร่งกับผิวสีแทนและเรือนผมสีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกับดวงตาคู่นั้นทำให้เขาจำได้ทันทีแม้จะไม่เคยได้สนทนากันเลยสักครั้ง



“เอ๋? อาโอมิเนะคุง?” คุโรโกะเอ่ยทักอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจในการกระทำของเด็กหนุ่มผู้มาใหม่




และนั่น...คือการพบกันครั้งแรกของคุโรโกะ เท็ตสึยะ และอาโอมิเนะ ไดกิ




.
.
.
.




“ฮ่ะๆๆๆๆๆ อะไรกัน ที่ไม่มีใครมองเห็นนายอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าตัวนายจืดจางเกินไปงั้นเรอะ ฮ่าๆๆๆ” ทันทีที่ได้ฟังเบื้องหลังเรื่องลี้ลับของชมรมบาสแห่งโรงเรียนเทย์โคทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่  เด็กหนุ่มสองคนนั่งอยู่บนพื้นโรงยิมพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน




“อาโอมิเนะคุง หัวเราะมากเกินไปแล้วครับ”  ร่างเล็กกว่าเอ่ยปรามคนที่เอาแต่หัวเราะไม่หยุดสักที




“เดี๋ยวนะ ฉันบอกชื่อนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักชื่อของตนทั้งที่ยังไม่ได้บอก




“คุณเป็นคนดังนี่ครับ เด็กปีหนึ่งที่ได้เป็นถึงตัวจริงของทีมชุดแรกน่ะมีอยู่ไม่มากนักหรอกครับ”




“หืม จริงเหรอ ว่าแต่แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”




“ผม..อยู่ทีมสามน่ะครับ..” ใบหน้าของคุโรโกะหม่นลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสภาพร่างกายและระดับชั้นความสามารถของตัวเองที่ช่างแตกต่างจากคนตรงหน้ามากนัก




“โง่น่ะ ฉันไม่ได้สนซักหน่อยว่านายจะอยู่ทีมหนึ่งหรือว่าทีมสาม นายชอบบาสมากพอที่จะอยู่ซ้อมหลังคนอื่นๆตั้งเยอะไม่ใช่รึไง คนที่ชอบเล่นบาสขนาดนั้นน่ะไม่มีทางเป็นคนไม่ดีได้หรอก นั่นล่ะทฤษฎีของฉันล่ะ!” เด็กหนุ่มผิวเข้มพูดพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง




คนที่ไม่เคยสนใจว่าตัวเองจะเป็นจุดเด่นขนาดไหน แต่กลับมาสนใจคนอย่างเขาที่มีตัวตนที่แสนจะจืดจาง




คนๆนี้ ช่างเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดใจเสียจริง




“เป็นทฤษฎีที่แปลกดีนะครับ”




“ว่าไงนะ!?”




“ผมชื่อคุโรโกะ เท็ตสึยะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”




รอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยและไร้อารมณ์ ในตอนนั้นอาโอมิเนะไม่ได้เข้าใจนักถึงความสำคัญของสิ่งนั้นเลยได้แต่ปล่อยมันผ่านไป




“หึ เช่นกันคุโรโกะ”




ลูกบาสเก็ตบอลสีส้มลอยหวือเข้ามาอยู่ในมือบางที่รับไว้ได้อย่างทันท่วงที นัยน์ตาสีฟ้าใสมองไปเห็นร่างสูงที่ลุกขึ้นยืดหยุ่นร่างกายเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว



“จะนั่งอยู่บนพื้นจนถึงเมื่อไหร่กันล่ะ มาซ้อมกันเถอะ”




“คนที่ลงไปนั่งบนพื้นก่อนคืออาโอมิเนะคุงนี่ครับ”




“นั่นมัน..เพราะจู่ๆนายก็โผล่มาข้างหลังฉันต่างหาก!”




“ไม่คิดเลยนะครับว่าอย่างคุณจะกลัวผีกับเขาเหมือนกัน”




“ไม่ได้กลัวเฟ้ย! เลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้วน่า”




อาโอมิเนะคว้าบอลกลับมาไว้ในมือแกร่งที่เลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว ขาทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวเข้าหาแป้นบาสอีกฝั่งก่อนจะกระโดดขึ้นเลย์อัพแล้วชู้ตลูกบาสเข้าห่วงไปอย่างสวยงาม




แปะ แปะ




เสียงปรบมือจากผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวดังขึ้นหลังจากจบการทำคะแนนอันไร้ที่ตินั้น




“ยอดไปเลยครับ...อาโอมิเนะคุง เป็นวิธีเปลี่ยนเรื่องที่ดีนะครับ”




“พูดมากน่า นายลองทำดูบ้างสิคุโรโกะ”




เด็กหนุ่มผมฟ้านิ่งไปกับคำพูดนั้น แม้สีหน้าจะยังเฉยชาเหมือนเดิมแต่ในใจกลับรู้สึกหนักหน่วงเหลือเกิน




“ของแบบนั้น ใครจะไปทำได้ครับ”




“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ เอ้า” เด็กหนุ่มผิวแทนโยนลูกบาสให้อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ คุโรโกะถอนหายใจกับความเอาแต่ใจเหมือนกับเด็กนั้นก่อนจะยอมทำตาม




ร่างเล็กเลี้ยงลูกบาสเข้าหาแป้นตามแบบท่วงท่าที่เคยเห็นเมื่อสักครู่ ก่อนจะกระโดดขึ้นแม้จะไม่สูงเท่าเพื่อส่งลูกบาสเข้าห่วงเหล็กสีแดงสด




หากแต่ว่าแทนที่จะลอดผ่านตาข่ายลงสู่พื้นอย่างสวยงามตามที่ควรจะเป็น ลูกบอลสีส้มกลับเด้งชนแป้นไม้ด้านหลังแล้วกระดอนกลับมาโดนหัวของคนชู้ตพอดิบพอดีซะอย่างนั้น




“ฮ่ะๆๆๆๆๆ ทำอะไรของนายเนี่ย”




“อาโอมิเนะคุง มีอะไรน่าขำตรงไหนครับ” คุโรโกะเอายกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆพร้อมส่งสายตาขุ่นเคืองที่ดูยังไงก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ไปให้ ตรงที่โดนลูกบาสกระแทกก็ไม่ใช่จะไม่เจ็บหรอกนะ ยังจะมาหัวเราะกันแบบนี้อีก




“ก็มัน..ฮ่ะๆๆๆๆ โอย  โอ๊ย! ทำอะไรของนายเนี่ย!?” อาโอมิเนะเอาแต่หัวเราะจนตัวงอ แล้วก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อโดนฝ่ามือแหลมๆทิ่มเข้าให้ที่ท้องพอดี ถึงเขาจะมีกล้ามเนื้อที่ท้องเป็นซิกแพคก็เถอะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ก็ใช่ว่าจะแรงน้อยเสียเมื่อไหร่




“ก็เจ็บเสมอกันแล้วไงครับ” ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว ตัวการผู้ประทุษร้ายก็หนีไปเลี้ยงลูกบาสอยู่อีกปลายสนามเสียแล้ว




.
.
.
.




สามชั่วโมงหลังจากนั้น เด็กหนุ่มทั้งสองนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นไม้ที่ถูกขัดจนขึ้นเงา ทั้งเสื้อผ้าและร่างกายเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลรินจากความเหน็ดเหนื่อย เสียงหอบหายใจดังแทนที่เสียงกระดอนของลูกบาสที่เพิ่งจะหยุดลงได้ไม่นาน ก่อนจะตามมาด้วยอวัยวะอีกอย่างที่ร้องประท้วงหาความเป็นธรรมจากเจ้าของ




โครกกกกก




“หิวเป็นบ้า”




“นั่นสินะครับ”




“งั้น....มาจิเบอร์เกอร์ก็แล้วกัน” เสียงทุ้มเสนอขึ้น หลังจากพิจารณาแล้วว่าร้านอาหารแห่งใดอยู่ใกล้ในระยะที่สามารถเดินทางไปถึงได้โดยไม่หมดแรงตายไปข้างทางเสียก่อน




“วนิลลาเชค” เสียงอ่อนระโหยเหมือนจะละเมอนั่นทำให้อาโอมิเนะต้องหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะหันไปเรียกอีกฝ่าย




“ตกลงแล้วงั้นก็ไปกันเถอะ”




เงียบ... สิ่งมีชีวิตที่ชื่อคุโรโกะ เท็ตสึยะยังคงนอนนิ่งอยู่ ณ จุดเดิมโดยไม่ขยับไปไหน




“ผมลุกไม่ไหวแล้วครับ”




“นายนี่มัน...ชักช้าชะมัด” มือหนาคว้าข้อมือเล็กกว่าแล้วฉุดให้ลุกขึ้น ใบหน้าคมปรากฏความระอาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไปมากกว่านั้น แววตาสีฟ้าใสแสดงความตกใจชั่วครู่ก่อนจะยอมลุกขึ้นตามแรงดึงที่ว่าโดยดี 



“เอ้า ไปกันได้แล้ว”




.
.
.
.




แกร๊งงง




เสียงกระดิ่งดังขึ้นบ่งบอกให้พนักงานในร้านรับรู้ว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการร้านเบอร์เกอร์ท้องถิ่นที่ขายอาหารแบบเร่งด่วนสไตล์ญี่ปุ่น




"ยินดีต้อนรับค่ะ จะรับอะไรดีคะ"




ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดูสะอาดสะอ้านเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพว่ากินแล้วจะไม่มีอาการท้องเสียตามมาเป็นของแถม เด็กหนุ่มสองคนเดินไปที่เคาน์เตอร์พลางดูเมนูอาหารแผ่นเล็กๆที่ติดอยู่บนโต๊ะ




“วนิลลาเชคแก้วนึงครับ”




พนักงานสาวหลังเคาน์เตอร์ยังคงนิ่งอยู่นานแม้จะมีออเดอร์สั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาโอมิเนะมองพนักงานที่สบสายตากลับด้วยแววตาที่แสดงความสงสัยไม่แพ้กันก่อนจะเอ่ยถามในที่สุด




“จะสั่งอาหารรึยังคะ?”




เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่ได้ยิน ไม่สิ อาจจะไม่สังเกตเห็นคุโรโกะเลยแม้แต่น้อยมากกว่า




ที่บอกว่าตัวตนจืดจางดูท่าจะเป็นความจริงแฮะ คิดแล้วก็อดขำไม่ได้




ก่อนที่การสั่งอาหารฟาสฟู้ดธรรมดาจะกลายเป็นเกมจ้องตาไป เด็กหนุ่มผิวแทนที่แม้จะเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่างเลยถือวิสาสะรวบรัดเอาเองเพื่อตัดปัญหา




“งั้นเอาเทริยากิเบอร์เกอร์สองกับเฟรนช์ฟรายใหญ่ แล้วก็โค้กกับวนิลลาเชคอย่างละแก้วแล้วกัน”




ทั้งสองเลือกโต๊ะตัวนึงที่ว่างอยู่พอดี ดูเหมือนว่ามุมนี้จะไม่ค่อยมีใครมานั่งสักเท่าไหร่




อาโอมิเนะ นั่งจ้องแก้ววนิลลาเชคที่เด็กหนุ่มฝั่งตรงข้ามดูดจากหลอดเล็กๆอย่างเอร็ดอร่อย พลางคิดในใจกับตัวเอง ขนาดกินนมตั้งเยอะยังตัวแค่นี้ แล้วถ้าไม่กินเลยตัวจะเล็กขนาดไหนกันนะ




"นายน่ะ...กินแค่นี้ถึงได้ตัวเท่านี้สินะ" เห็นได้ชัดว่าคำพูดนั้นแทงใจอีกฝ่ายอย่างแรง สายตาที่มองกลับมาจึงหรี่ลงเล็กน้อย




"ก็กินเยอะมันจุกนี่คร...อุบ" เสียงตอบนั้นหายไปก่อนจะได้จบประโยคเพราะเทอริยากิเบอร์เกอร์ทั้งชิ้นที่ถูกยัดเข้าปากโดยไม่ทันได้ตั้งตัว




"อู้ๆๆ" มือเล็กละจากแก้ววนิลลาเช็คแล้วตีลงที่มือใหญ่กว่าระรัว พร้อมกับพยายามส่งเสียงประท้วงอู้อี้ในลำคอกับอาวุธชีวภาพที่อาจจะทำเขาขาดอากาศหายใจในไม่กี่นาทีข้างหน้า




"ฮะๆๆๆ...กินเข้าไปเถอะน่าตัวจะได้โตเหมือนคนอื่นซักทีน่ะ" เสียงหัวเราะชอบใจในทีแรกเปลี่ยนเป็นจริงใจและอบอุ่น




มือที่พยายามตีอยู่นั้นถึงกับชะงักก่อนที่แก้มใสจะขึ้นสีระเรื่อจางๆเพราะสายตาของอีกฝ่ายที่ส่งมาด้วยความเป็นห่วง ปากกัดขนมปังเคี้ยวแล้วค่อยๆดันมือของอาโอมิเนะออกช้าๆ




"รู้แล้วล่ะครับ" ดวงตาสีฟ้าเสมองทางอื่น ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกว่าไม่กล้าสบตาขึ้นมาเสียอย่างนั้น




พอเห็นเด็กหนุ่มร่างเล็กเงียบไปและลงมือกินเบอร์เกอร์โดยดี อาโอมิเนะก็เหมือนจะพอใจในผลงานและยอมรามือไปในที่สุด ร่างสูงกลับไปจดจ่อกับอาหารที่เหลืออยู่ตรงหน้าของตัวเองดังเดิมโดยไม่ทันได้รับรู้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของอีกฝ่าย




.
.
.
.




“ฮ้า..อิ่มชะมัด”




“ก็อาโอมิเนะคุงเล่นกินตั้งสองชิ้นนี่ครับ”




เงาสองร่างหนึ่งสูงและอีกหนึ่งเตี้ยกว่าเดินเคียงกันไปสะท้อนบนพื้นจากแสงไฟถนนที่เริ่มจะสลัวๆ หลังจากยัดเยียดเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งให้คุโรโกะแล้ว อาโอมิเนะที่กินหมดอย่างรวดเร็วก็เดินไปสั่งเพิ่มอีกชิ้นก่อนขนมปังประกบไส้เนื้อย่างจะหายลงท้องไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกับชิ้นก่อนหน้า




“หา? หลังจากฝึกซ้อมก็ต้องเติมพลังงานเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง นายต่างหากที่กินน้อยเกินไปน่ะ”  มือแกร่งยกขึ้นขยี้เรือนผมสีฟ้าอ่อนจนยุ่งฟูยิ่งกว่าเดิม




“หยุดเถอะครับ หัวผมยุ่งหมดแล้ว”




“ฮ่ะๆๆ ก็หัวนายมันอยู่ได้ระดับพอดีมือเลยนี่นา”




ร่างเล็กกว่าชักสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยกับข้อแก้ตัวพร้อมผมทรงใหม่ที่ได้มาโดยไม่เต็มใจนัก ก่อนจะสังเกตได้ว่าพวกเขาเดินมาถึงทางแยกหนึ่งแล้ว




“อา บ้านผมต้องเลี้ยวทางนี้ งั้นขอตัวก่อนนะครับ”




“ของฉันไปทางนี้ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ เท็ตสึ!”




เอ่ยลาเสร็จร่างสูงผิวเข้มก็วิ่งหายไปอีกทางด้วยความรวดเร็วโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคัดค้านอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะได้เจอกันอีกหรือไม่ หรือเรื่องที่จู่ๆก็เรียกชื่อเขาห้วนๆก็ตาม




และทุกๆวันนับจากวันนั้น แม้ว่าสมาชิกชมรมคนอื่นๆจะกลับไปนานแล้ว อาโอมิเนะกับคุโรโกะก็จะอยู่ซ้อมด้วยกันที่โรงยิมแห่งนั้นเสมอ







TBC





No comments:

Post a Comment