Title : Replay
Author : freyaminnie
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Aomine x Kuroko
Rating : PG-15 อัพขึ้นมานิดนึงเพราะมิเนะ.... ^^
09
อาโอมิเนะ ไดกิกำลังประสบปัญหาสำคัญในชีวิต... อีกครั้ง
ต่อจากการสอบเลื่อนชั้นที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ และมันก็นำมาสู่อีกปัญหาหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าใหญ่ไม่แพ้กันแม้จะหนักใจไปคนละแบบก็เถอะ ปัญหาที่สองอันเกิดจากเด็กหนุ่มร่างบางที่นอนอยู่ในห้องที่เขาเพิ่งจะถลาออกมาเมื่อสักครู่
เขาไม่ปฏิเสธว่าช่วงก่อนปิดเทอมเขากับเท็ตสึสนิทกันมากขึ้น ไม่ปฏิเสธว่าเขารู้สึกดีเวลาที่จูงมือเล็กๆนั่นเดินไปด้วยกัน ไม่ปฏิเสธว่าเขาชอบเวลาได้นอนกอดร่างบางๆนั่นจนหลับไป ไม่ปฏิเสธว่าชอบกลิ่นหอมๆของเรือนผมสีฟ้าหลังอาบน้ำ และก็ไม่ปฏิเสธว่าชอบสัมผัสของริมฝีปากที่จูบกันเบาๆนั่นมากมายแค่ไหน
แต่กระนั้นก็ไม่เคยมีความคิดเลยเถิดเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ทางกายกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นร่างกายบางนั่นตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันในชมรมตั้งไม่รู้กี่ครั้งจนเป็นเรื่องปกติ และอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายไม่ได้มีหน้าอกหน้าใจอะไรเหมือนผู้หญิงแบบที่เขาชอบสักหน่อย แล้วทำไมจู่ๆวันนี้ ตอนที่ได้เห็นร่างขาวเนียนราวกับกระเบื้องเคลือบ ช่างชวนให้หลงใหลจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสเพียงเพราะอยากรู้ว่าผิวกายนั้นจะนุ่มละมุนเหมือนกับที่ตาเห็นหรือไม่
รู้ตัวอีกทีมือก็เอื้อมไปคว้าร่างนั้นมาหาตัวเสียแล้ว
เป็นโชคดีที่ดูเหมือนเท็ตสึจะคิดว่าเขาจงใจแกล้งดึงให้ตกน้ำ ถึงจะต้องยอมแลกด้วยการโดนกำปั้นสวนเข้าที่ท้องจนแทบจุกแต่ก็ดีกว่าจะให้อีกฝ่ายรู้ว่าในใจเขาเผลอคิดอกุศลไปถึงไหนต่อไหน
เขาไม่กล้าหันไปมองเด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งเอนกายแช่น้ำสบายใจอยู่ข้างๆกัน ด้วยกลัวว่าใจตัวเองคิดอะไรต่อมิอะไรไปอีก จึงได้แต่ก้มหน้าหรือไม่ก็เสมองทางโน้นทางนี้ไปเรื่อย แต่สายตาก็พาลจะหันกลับมาโฟกัสตรงคนข้างๆอยู่เรื่อยไปยังกับมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง
ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่ขึ้นสีเล็กน้อยเพราะอุณหภูมิของไอน้ำ ลำคอเพรียวระหงที่มีหยดน้ำเกาะพราว ต้นคอและลาดไหล่ขาวเนียนชวนให้ทำรอยตำหนิ และแผ่นอกบางราบเรียบกับจุดสะดุดที่ดึงความสนใจเขาจนต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
คิดอีกทีก็หลับตาลงซะเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องมองอะไร
บางทีเขาอาจจะมัวทะเลาะกับจิตใต้สำนึกของตัวเองนานเกินไป หรือไม่ก็มัวแต่พยายามที่จะไม่จดจ่ออยู่กับเท็ตสึมากเกินไป จนไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายนั้นเงียบไปจนผิดปกติ
หันไปอีกที ร่างบอบบางที่เขาไม่ควรจ้องนั้นก็หายไปเสียแล้ว เหลือเพียงแต่กลุ่มผมสีฟ้าอ่อนที่ลอยอยู่เหนือน้ำ อาโอมิเนะใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าคุโรโกะหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ย เท็ตสึ!!” ความคิดลามกใดๆลอยหายไปจากหัวสมองชั่วคราว อาโอมิเนะรีบเข้าไปประคองร่างของเพื่อนสนิทขึ้นมาจากบ่อน้ำอย่างรวดเร็ว เขาอุ้มเท็ตสึออกมาข้างนอกอย่างง่ายดายราวกับอีกอีกฝ่ายไร้น้ำหนัก
ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมทีมมากมายที่เขาไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่อยู่ในความสนใจมีเพียงร่างในอ้อมแขนนี้เท่านั้น
ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมทีมมากมายที่เขาไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่อยู่ในความสนใจมีเพียงร่างในอ้อมแขนนี้เท่านั้น
และถ้าไม่ใช่เพราะสีหน้าตกใจและเสียงโวยวายของมิโดริมะเขาถูกโยนออกไปจากโรงแรมข้อหาทำตัวอนาจาร เนื่องจากวิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำทั้งที่ยังเปลือยล่อนจ้อนอยู่ก็เป็นได้
ร่างไร้สติถูกวางลงบนฟูกอย่างนุ่มนวล นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองคนที่ถูกม้วนอยู่ในผ้าขนหนูราวกับดักแด้อย่างครุ่นคิด ความตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ที่ทำให้เขาอุ้มเด็กหนุ่มออกมาจากห้องน้ำได้อย่างสวัสดิภาพได้หายไปหมดแล้ว คล้ายกับอะดรินาลินที่หลั่งเฉพาะเวลาบ้านโดนไฟไหม้ทำให้คนเรายกของหนักมากได้ แต่ตอนนี้เมื่อความรู้สึกแปลกๆหวนกลับมาทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะคลี่ผ้าขนหนูออกเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายด้วยซ้ำ
ในสถานการณ์แบบนี้ควรจะไปเรียกซัทสึกิมาทำให้ไหม ไม่สิ นายบ้าไปแล้วเหรอ อาโอมิเนะ ไดกิ เท็ตสึเป็นผู้ชาย เหมือนกับนาย จะไปเรียกยัยนั่นมาได้ยังไง หรือจะไปตามพวกเพื่อนในชมรมคนอื่นมาช่วยทำให้แทน..
ไม่เด็ดขาด นั่นยิ่งไม่ดีใหญ่
ด้วยเหตุผลที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจ เขารีบปัดความคิดนั้นตกไปอย่างรวดเร็วพอๆกับความคิดแรก
และแล้วก็วนกลับมาอยู่จุดเดิม ราวกับฟ้าดินจงใจกลั่นแกล้งทดสอบความอดทนอันน้อยนิดของเขา มือสีแทนค่อยๆคลี่ผ้าเช็ดตัวที่พันกายบางออกช้าๆ พยายามอย่างหนักที่จะไม่จ้องมองผิวขาวเนียนที่ค่อยๆเผยให้เห็นทีละน้อย
“อือ..” เสียงหวานครางแผ่วที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องชะงัก ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะสังเกตว่าตัวเองกำลังเกือบจะคร่อมร่างของคุโรโกะอยู่ และมือตัวเองเผลอลูบไล้ไปตามแผ่นอกขาวของร่างเบื้องใต้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อาโอมิเนะสะดุ้งแล้วรีบชักมือออกราวกับต้องของร้อน เขาหลับตามือเอื้อมไปหยิบชุดยูกาตะที่วางอยู่ข้างกายมาใส่อีกฝ่ายให้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเผลอทำอะไรไปมากกว่านี้อีก จนเมื่อผิวกายเย้ายวนนั้นถูกซ่อนไว้ใต้ฟูกหนาเรียบร้อยแล้วนั่นแหละเขาถึงค่อยผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมา
“นายกำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า เท็ตสึ” เสียงทุ้มพูดอย่างหงุดหงิด แต่มือหยาบที่เลื่อนลงสัมผัสเรือนผมสีฟ้านั้นกลับแผ่วเบาราวกับกำลังประคองเครื่องแก้วที่เปราะบาง คิ้วเรียวขมวดมุ่น ใบหน้าขาวซีดเซียวเมื่อสักครู่เริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
เมื่อความคิดกลับเข้าที่เข้าทาง เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเป็นห่วง เขารู้ว่าเท็ตสึเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ และจะฝืนผลักดันร่างกายตัวเองไปจนถึงขีดสุด จนกว่าจะทนไม่ไหว ดังนั้นการที่เขาสลบไปอย่างวันนี้คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นแน่
หลังจากนั้นเขาก็ไปโวยวายกับโค้ชเรื่องการฝึกซ้อมของเท็ตสึ ซึ่งแน่นอนว่าโดนตอกกลับมาว่าไม่เกี่ยวกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“หรือถ้านายจะยอมรับโทษแทนเท็ตสึยะนั่นมันก็อีกเรื่องนึงนะ” เสียงของอาคาชิดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนาระหว่างเขากับโค้ชอย่างที่ถ้าเป็นคนอื่นคงจะโดนดุว่าข้อหาไร้มารยาทไปแล้ว แต่นอกจากไม่โดนแล้วยัง
น่าแปลกใจเข้าไปใหญ่ตรงที่โค้ชยอมฟังข้อเสนอของเด็กหนุ่มผมแดงเสียอย่างนั้น
น่าแปลกใจเข้าไปใหญ่ตรงที่โค้ชยอมฟังข้อเสนอของเด็กหนุ่มผมแดงเสียอย่างนั้น
แน่นอนว่าเขายอมรับข้อเสนอนั้นทันทีโดยแทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ บางทีเขาควรจะคิดเสียหน่อย แต่ปากกลับไปไวกว่าหัวสมองอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง
เพราะปฏิกิริยาต่อมาของอาคาชิคือการยิ้มอย่างพึงใจจนถึงกับน่าหมั่นไส้ที่บ่งบอกว่าการกระทำทั้งหมดของเขาแทบจะไม่ผิดไปจากที่ฝ่ายนั้นคาดเลยซักนิด
พอเขากลับไปอีกครั้งเท็ตสึก็รู้สึกตัวแล้ว สีหน้ายังคงดูอิดโรยอยู่บ้างแต่ก็ดีขึ้นเยอะช่วยให้เขาใจชื้นขึ้นบ้าง
นัยน์ตาสีฟ้าใสจ้องมองมาที่เขาราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงวิญญาณ ด้วยความที่มีชนักปักหลังทำให้อาโอมิเนะไม่กล้าที่จะสบสายตานั้นแล้วทำกลบเกลื่อนไปแทน
“จะอะไรจู่ๆนายก็วูบไปในบ่อน้ำร้อนน่ะสิ...” อาโอมิเนะบ่นแล้วเทศนาต่อยาวเหยียดเรื่องที่คุโรโกะชอบฝืนตัวเองจนทำให้เขาเป็นห่วง โดยพยายามละเลยรายละเอียดที่ไม่สำคัญอย่างเรื่องที่เขาต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะเปลี่ยนเสื้อให้อีกฝ่ายได้ เพราะถ้าพูดไปคงจะฟังเหมือนพวกโรคจิตน่าดู
เท็ตสึทำท่าจะลุกขึ้นมาอีกรอบหากว่าเขาไม่ส่งสายตาดุปรามไว้ก่อน เขายังไม่อยากหามเด็กหนุ่มกลับมาที่ห้องอีกเป็นครั้งที่สองในวันเดียวกันหรอกนะ แต่สายตาและใบหน้าสำนึกผิดของอีกฝ่ายก็เกือบจะทำให้เขาใจอ่อน ยิ่งกว่านั้นการกระทำที่เหมือนกับจะเอียงหัวเข้าหามือของเขาโดยไม่รู้ตัวราวกับลูกแมวขอความรักนั่นอีก
ถ้าอยู่ต่อเห็นจะไม่ได้การ เด็กหนุ่มร่างสูงจึงต้องรีบขอตัวออกมาสงบสติอารมณ์ข้างนอกอีกรอบด้วยการอาสาไปซื้อเครื่องดื่มให้
ความคิดย้อนอดีตจนวนกลับมาสู่ปัจจุบันในที่สุด แม้จะหนีมาได้ด้วยข้ออ้างที่คิดขึ้นสดๆแต่กลับใช้ได้ผลเมื่อดูเหมือนคุโรโกะจะกำลังคอแห้งพอดี
ราวกับฟ้าจงใจให้เวลาเขาคิดฟุ้งซ่านหรือสงบใจเพิ่มก็ไม่รู้ได้ เพราะตู้กดน้ำทั้งหลายพากันขึ้นไฟแดงตรงสินค้าที่เขาต้องการพอดิบพอดีอย่างพร้อมเพรียง ทำให้ต้องตระเวณเสาะหาไปทั่วทั้งโรงแรมราวกับเป็นวัตถุหายากยังไงยังงั้น
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบไปเห็นเครื่องจักรขายน้ำอีกเครื่องนึงที่วางไว้หัวมุมทางเดินจึงสาวเท้าเข้าไปหาทันที โล่งใจที่พบว่าโพคาริที่ต้องการยังไม่ได้หมดไปจากสต๊อกเหมือนกับอีกสามเครื่องที่เจอมา
“เจอซะที” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยความดีใจก่อนจะหยอดเหรียญเพื่อกดเอากระป๋องเครื่องดื่มที่ว่าออกมา
เสียงคนคุยกันจากอีกฝั่งของทางเดินแว่วมาเข้าหู ปกติแล้วอาโอมิเนะไม่ใช่คนที่ชอบแอบฟังหรือสนใจเรื่องของคนอื่น หรือต่อให้ใครจะนินทาเขาก็ช่างปะไร
แต่บุคคลที่สามที่ถูกพูดถึงในบทสนทนานนั้นกลับเรียกความสนใจของเขาได้ชะงัดนัก
“ร่างกายก็อ่อนแอ ขึ้นมาถึงก็เป็นคนสุดท้าย เล่นบาสก็ไม่เห็นเท่าไหร่ ทำไมคนแบบนี้ถึงได้มาอยู่ทีมหนึ่งได้กันนะ” เสียงหนึ่งในสองคนดังขึ้น แม้จะไม่เอ่ยชื่อแต่จากบริบทนั้นก็พอจะทำให้เดาได้ว่าหมายถึงใคร
“แถมเมื่อกี้ยังสลบไปในบ่อน้ำอีก คนอ่อนแอแบบนั้น ไม่คู่ควรแม้แต่กับเทย์โควเลยสักนิด” เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งกล่าว จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าสองคนนี้คงจะเป็นรุ่นพี่ในชมรม และเห็นได้ชัดจากน้ำเสียงว่าคนพูดนั้นไม่พอใจเพียงใด
อาโอมิเนะเผลอกำกระป๋องน้ำที่อยู่ในมือแน่นจนมันเกือบจะบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง ไม่ผิดที่ใครจะคิดแบบนั้น และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่กระนั้นจะให้ทนฟังเพื่อนคนสำคัญโดนกล่าวว่าร้ายแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกโกรธขึ้นมา
“บางทีหมอนั่นอาจจะยอมพลีกายนอนกับโค้ชก็ได้นะ ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่ตอนที่เห็นในบ่อน้ำเมื่อกี้หุ่นก็บอบบางยังกับผู้หญิง คงจะถูกรสนิยมพวกผิดเพศดีเหมือนกัน”
ประโยคนั้นราวกับเป็นชนวนที่ทำให้ความอดทนของเด็กหนุ่มร่างสูงถึงกับขาดผึง ดวงตาพลันมืดบอดไปด้วยโทสะ รู้ตัวอีกทีมือใหญ่ก็กระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายแล้วจับกระแทกกับกำแพงโดยแรง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มโชนแสงอย่างเกรี้ยวกราด “หุบปากเน่าๆของแกซะ!”
เด็กหนุ่มรุ่นพี่ไม่ได้ตั้งตัวกับการจู่โจมจึงไม่ทันได้ตอบโต้ ได้แต่ส่งสายตามองอีกฝ่ายที่กำลังริดรอนอากาศหายใจของเขาไปช้าๆ “อาโอมิเนะ! ทำบ้าอะไรของแก!!”
เพียงคำพูดนั้นไม่อาจหยุดอาโอมิเนะที่กำลังโกรธจัดได้ มือที่จับคอเสื้อไว้กำแน่นขึ้นอีก “พวกแกจะรู้อะไร เท็ตสึน่ะต้องพยายามแค่ไหนถึงจะมาถึงจุดนี้ได้ พวกที่เอาแต่โอดครวญกับการฝึกซ้อมอย่างพวกแกไม่มีสิทธิพูดถึงเท็ตสึแบบนั้นเป็นอันขาด!!”
“ปล่อยนะเฟ้ย อาโอมิเนะ!!” รุ่นพี่อีกคนราวกับเพิ่งจะได้สติกลับคืนมาหลังจากมองฉากตรงหน้าอยู่เนิ่นนาน เข้าไปช่วยเพื่อนอีกคนด้วยการกระชากมือสีแทนออก
เด็กหนุ่มร่างสูงหันไปจะลงมือกับคู่กรณีอีกคนบ้าง หากแต่ก็โดนมือที่ใหญ่และร่างเงาที่สูงกว่าเขาเข้ามาขัดขวางเสียก่อน
“มิเนะจิน พอแค่นี้แหละ” มุราซากิบาระ อัทสึชิ ปรากฏกายได้ถูกที่ถูกเวลาราวกับมีใครบางคนคาดการณ์ไว้ก่อน ร่างกายที่สูงใหญ่ของมุราซากิบาระเมื่อเทียบกับเด็กม.ต้นทั่วไปแล้วทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าต่อกรด้วยเท่าไหร่ นัยน์ตาสีม่วงเข้มมองรุ่นพี่ร่วมชมรมสองคนอย่างเฉื่อยชา เป็นสัญญาณบอกให้ทั้งสองรีบรุดจากไปโดยไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก
“มุราซากิบาระ นายมาขวางทำไม!” อาโอมิเนะหันมาเอาความกับเพื่อนร่วมรุ่นแทน แม้ตอนนี้สมองจะค่อยๆกลับมาทำงานหลังจากโดนครอบงำด้วยความโกรธจนไร้สติเมื่อสักครู่แล้ว แต่ก็ความไม่พอใจในคำพูดของคนพวกนั้นก็ยังคงมีอยู่
“ก็อากะจินให้ฉันมาคอยดูมิเนะจินไม่ให้ไปก่อเรื่องอีกนี่นา” เขากล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับเคี้ยวขนมในมือไปด้วย
“อาคาชิ?” ชื่อของเด็กหนุ่มผมแดงที่หลุดจากปากทำให้เรื่องน่าแปลกใจกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจไปได้อย่างประหลาด โดยเฉพาะการคาดเดาว่าเขาจะก่อเรื่องได้อีกโดยที่เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
มุราซากิบาระคลายมือที่จับไว้ออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมสงบลงแล้ว สายตามองไปยังกระป๋องน้ำที่บุบเบี้ยวเล็กน้อยในมือสีแทน “ว่าแต่มิเนะจินไม่ต้องรีบไปไหนหรือไง”
คำพูดนั้นทำให้อาโอมิเนะนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีอีกคนที่รอให้เขาเอาของไปให้อยู่ “จริงด้วย เท็ตสึ” พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็รีบกลับไปยังห้องพักทันที
เสียงบานประตูเลื่อนออกอีกครั้งพร้อมทั้งร่างสูงของเด็กหนุ่มค่อยๆย่องเข้ามาเผื่อว่าคนที่ตนต้องการมาหาจะกำลังหลับอยู่
“เท็ตสึ” อาโอมิเนะเอ่ยไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะเรียกให้นัยน์ตาสีฟ้าของคนที่นอนอยู่หันมาทางเขาได้ ถ้ารู้ว่าตื่นอยู่แล้วจะเสียแรงย่องเข้ามาทำไมแต่แรกล่ะเนี่ย “ดีขึ้นแล้วเหรอ”
“ครับ ผมสบายดี แค่นอนจนเมื่อยตัวไปหมดแล้ว” คุโรโกะลุกขึ้นบิดกายแล้วหาวน้อยๆ เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่าเขาเพิ่งจะทิ้งตัวลงนอนเมื่อสักครู่หลังจากอาคาชิเดินออกไป ทิ้งไว้กับการกระทำและคำพูดที่น่าสงสัยจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้
“โทษทีที่นานไปหน่อย เอ้า” เด็กหนุ่มร่างสูงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร คงเพราะเขาเองก็มีเรื่องให้คิดวุ่นวายอยู่ในหัวเหมือนกัน มือใหญ่โยนกระป๋องน้ำให้อีกฝ่ายรับไว้
มือบางรับเครื่องดื่มที่ว่าไว้ในมือ สัมผัสได้ว่าความเย็นจางลงไปมากแล้ว “คุณไปหาโพคาริถึงไหนกันแน่น่ะครับ”
“พูดมากน่า รีบๆกินไปซะ” อาโอมิเนะขยี้เรือนผมสีฟ้าอย่างหมั่นเขี้ยว “เดี๋ยวไปกินข้าวกัน ฉันหิวจะแย่ แล้วนายก็ต้องกินด้วย เผื่อจะได้มีแรงกับเค้าบ้างน่ะ”
“ผมก็กินอยู่แล้วนี่ครับ” คุโรโกะปัดมือใหญ่ที่กำลังทำให้ทรงผมของเขายุ่งเหยิงยิ่งไปกว่าเดิมนั้นออก น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยเหมือนเวลาที่มีใครพูดว่าเขาตัวเล็กเพราะไม่ยอมกินอาหาร
ร่างสูงหัวเราะกับปฏิกิริยานั้นแล้วเปลี่ยนเป็นยื่นมือมาให้แทน “งั้นไปกันเถอะ เท็ตสึ”
มือเล็กยื่นไปหามือใหญ่ที่ช่วยประคองให้ลุกขึ้น แล้วมือทั้งสองก็กุมกันไปตลอดทาง
คืนนั้นสมาชิกชมรมบาสเก็ตบอลเทย์โคว์ทีมหนึ่งกว่าสิบชีวิตนอนรวมกันในห้องพักโล่งกว้างห้องเดียว ขาดก็แต่อาคาชิที่ไม่รู้ว่าหายตัวไปอยู่ไหน แม้จะเหนื่อยกับกิจกรรมช่วงกลางวันมากแค่ไหนก็ตาม แต่ชีวิตของเด็กวัยกำลังไฮเปอร์ที่ได้มารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ในการค้างแรมนอกสถานที่ที่จะปล่อยให้เวลากลางค่ำกลางคืนสูญเสียไปกับการนอนไม่ได้เป็นอันขาด
ตั้งแต่กิจกรรมเบสิกอย่างการปาหมอนใส่กันจนนุ่นกระจัดกระจายปลิวว่อน ต่อด้วยการจับกลุ่มกันเล่าเรื่องผี ไปจนถึงการเล่นไพ่นานาประเภทอย่างสนุกสนาน เสียงโหวกเหวกที่ยังดังอยู่ไม่ขาดแม้จะเลยเวลาเที่ยงคืนมาแล้ว
จนกระทั่งงานเลี้ยงถูกบังคับให้เลิกราเมื่อโค้ชเดินมาพร้อมประกาศิตอันใหม่ ว่าใครก็ตามที่ยังไม่นอนจะโดนซ้อมหนักเป็นสามเท่าในวันรุ่งขึ้น ทุกคนจึงพร้อมใจกันปิดไฟแล้วแยกย้ายกันกลับฟูกตัวเองอย่างสงบ
“เท็ตสึ หลับรึยังน่ะ” เสียงทุ้มกระซิบพร้อมกับสะกิดคนที่นอนอยู่บนฟูกติดกันกับตัวเอง เขารออยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรจากใต้ผ้าห่มนั้น เกือบจะถอดใจไปแล้วเมื่อผ้าห่มค่อยๆเลิกขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้าใสที่หันมามอง
“ยังครับ” คุโรโกะตอบกลับแผ่วเบา น้ำเสียงนั้นราบเรียบไร้ความง่วงงุนใดๆเจือปน “อาโอมิเนะคุงนอนไม่หลับเหรอครับ”
“งั้นมั้ง” อาโอมิเนะลอบยิ้มกับคำพูดนั้น ราวกับเท็ตสึขโมยเอาคำถามไปจากปากเขาอย่างงั้นแหละ “นายล่ะ?”
“ผมนอนหลับอยู่จนกระทั่งอาโอมิเนะคุงเรียกนั่นแหละครับ” ไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหนหลังได้ยินประโยคนั้นแต่มันคงจะน่าขำพอดูเพราะเขาเห็นอีกฝ่ายซุกหน้าลงกับหมอนแล้วไหล่สั่นน้อยๆอย่างพยายามกลั้นเสียงหัวเราะด้วย
คนที่รู้ตัวว่าโดนแกล้งจึงรีบโวยวายทันที “เฮ้ นี่นายจงใจแกล้งฉันสินะ!”
“ชู่วว อย่าเสียงดังสิครับเดี๋ยวคนอื่นก็ตื่นกันหมด” เด็กหนุ่มยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ปากเบาๆ
“นายนี่มัน.. มานี่เลย!” มือแกร่งดึงคนนอนข้างๆเข้ามาหาตัวอย่างง่ายดาย บางทีอาจจะเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนแรงดึงนั้นด้วยความตกใจหรืออะไรก็แล้วแต่ แขนแข็งแรงโอบร่างโปร่งบางไว้ได้อย่างพอดิบพอดี
“อาโอมิเนะคุง.. ผมไม่ใช่หมอนข้างนะครับ” เสียงหวานดังอู้อี้เนื่องจากใบหน้ายังคงฝังอยู่กับแผ่นอกของคนที่กอดเขาไว้แนบชิด
“เงียบน่า นอนไปแบบนี้แหละ” อาโอมิเนะพึมพำ ก่อนจะฝังใบหน้าลงบนกลุ่มผมสีฟ้าอ่อนที่มีกลิ่นหอมของแชมพูเหลืออยู่นิดๆ ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาท่าทางที่สบายก่อนจะยอมนอนอยู่เฉยให้กอดแต่โดยดี
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่พอมีเท็ตสึอยู่ในอ้อมแขนเขาแบบนี้แล้วทำให้รู้สึกสบายใจเอามากๆ
‘นายกำลังจะทำให้ฉันเป็นบ้า เท็ตสึ’
ทั้งสองนอนเงียบๆอยู่บนฟูกอันเดียวกัน ผ้าห่มผืนเดียวกัน ด้วยความคิดที่แตกต่างกันก่อนต่างฝ่ายจะเข้าสู่ห้วงนิทราในอ้อมแขนของกันและกัน
‘อาโอมิเนะคุง คุณนี่มันบ้าที่สุดเลยครับ’
TBC
No comments:
Post a Comment